“เงินเฟ้อ” ก.ย.แตะ 6.41% ผลจากราคาพลังงานทรงตัว คาดไตรมาส 4 ชะลอตัวตามราคาน้ำมันดิบ ราคาอาหาร ด้าน นักเศรษฐศาสตร์ ยังห่วงตัวเลขเงินเฟ้อ แม้ส่งสัญญาณพ้นจุดสูงสุด แแนะจับตา “เงินเฟ้อพื้นฐาน” หวั่นทำเงินเฟ้อหยั่งรากลึก กกร.ห่วงเงินบาทอ่อนค่า กระทบนำเข้าพลังงาาน
ทั้งปีเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ 6.1%
อย่างไรก็ตาม การที่โอเปกลดกำลังการผลิต คงจะทำให้ราคาน้ำมันทรงตัวระดับสูง ไม่ได้ลดลง ประกอบกับมีประเด็นเรื่องการขึ้นค่าแรง และอัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่าต่อเนื่อง หากเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน อาจเป็นประเด็นที่ทำให้เงินเฟ้อไม่ได้ลงลงเร็วนัก หรือโอกาสเห็นระดับกว่า 1% คงเป็นไปได้ยากในปีหน้านี้
ดังนั้น เงินเฟ้อยังคงเป็นประเด็นที่ นโยบายการเงิน ยังต้องคำนึงถึง ภายใต้สถานการณ์การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต่อเนื่อง ดังนั้น อาจเห็น กนง.ยังคงปรับดอกเบี้ยขึ้นอยู่ เพื่อดูแลเงินเฟ้อไม่ให้สูงมากนัก
“เงินเฟ้อตัวเลขค่อยๆลดลง ทำให้เราไม่ห่วงเงินเฟ้อเหมือน 4-5 เดือนก่อน แต่ประเด็น ที่เกี่ยวกับกำลังซื้อของผู้บริโภค ราคาสินค้าที่ยังขยับขึ้นอยู่ และหลังปีใหม่จะมีการปรับขึ้นค่าแรง เหล่านี้จะถูกนำเข้ามาในราคาสินค้า ดังนั้นประเด็นเรื่องกำลังซื้อของผู้บริโภคจะยังคงเป็นประเด็นต่อเนื่องไปถึงปีหน้า”
ผู้ประกอบการเตรียมส่งผ่านต้นทุน
นายสมประวิณ มันประเสริฐ รองผู้จัดการใหญ่ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงาน Economic Intelligence Center (EIC) กล่าวว่า เงินเฟ้อถือว่าเป็นไปตามคาด และเงินเฟ้อระยะถัดไปคงลดลงแต่อาจไม่เร็วมาก เพราะหลังจากนี้จะเห็นการส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากผู้ประกอบการมายังผู้บริโภคมากขึ้น จากภาวะเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัว ทำให้มีโอกาสที่ผู้ประกอบการที่เผชิญภาระต้นทุนที่สูง ดัชนีผู้ผลิต สูงกว่าผู้บริโภค ทำให้ส่วนต่างผู้ประกอบการแคบลง เมื่อเศรษฐกิจฟื้น โอกาสที่จะส่งผ่านต้นทุนเหล่านี้มีมากขึ้น
ดังนั้น แปลว่าเงินเฟ้อลง แต่ไม่น่าจะลงเร็ว และแม้ราคาพลังงานในตลาดโลกลดลง เช่น ราคาน้ำมัน แต่ขณะเดียวกันเงินบาทอ่อนค่า ดังนั้นแปลงเป็นเงินบาทต้นทุนไม่ได้ลงมากนัก ดังนั้นต้นทุนยังสูง
“เงินเฟ้อคือการเปลี่ยนแปลงของราคา ถามว่าราคาจะลดลงหรือไม่ ไม่ใช่ ราคาไม่ลดลง แต่เงินเฟ้อที่ลดลง ราคาอาจขึ้นแต่ในอัตราชะลอลง"
กกร.ห่วงบาทอ่อนดันเงินเฟ้อ
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยภายหลังประชุม กกร.ว่า กกร.ได้หารือภาวะเศรษฐกิจ โดยประเด็นอัตราเงินเฟ้อยังมีแนวโน้มยืนอยู่ระดับสูง แม้ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะลดลงอยู่ที่ 90 ดอลลาร์ต่อบาเรล แต่อัตราเงินเฟ้อยังมีแนวโน้มยืนอยู่ระดับสูง เนื่องจากต้นทุนการนำเข้าปรับตัวสูงขึ้นจากเงินบาทที่อ่อนค่าอย่างต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับบาทละ 38 ดอลลาร์
“ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศยังไม่สามารถลดลงได้มากนัก ขณะที่ค่าไฟฟ้ามีการปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือน ก.ย.2565 รวมถึงการปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ ล้วนเป็นปัจจัยกดดันต้นทุนของผู้ประกอบการที่จะต้องส่งผ่านไปยังราคาสินค้าและบริการ”
ทั้งนี้ กกร.ได้ประมาณการณ์เศรษฐกิจปี 2565 ขยายตัว 3.0-3.5% ขณะที่มูลค่าการส่งออกขยายตัว 7-8% และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 6.0-6.5% เพิ่มจากรอบก่อนเมื่อวันที่ 7 ก.ย.2565 ที่คงประมาณการเศรษฐกิจที่ 2.75-3.5% ขณะที่ส่งออกคาดว่าขยายตัว 6-8% และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในกรอบ 5.5-7.0%