นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นำคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ประชุมร่วมกับนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และ ผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐ อาทิ กระทรวงการต่างประเทศ กรมปศุสัตว์ ที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เพื่อติดตามผลการเร่งขยายตลาดสินค้าไทยในซาอุดีอาระเบีย หลังจากที่ได้นำคณะนักธุรกิจไทยเยือนซาอุดีอาระเบียเมื่อช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
นายจุรินทร์ กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นอีกมิติในการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐกับเอกชนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าของประเทศ กระทรวงพาณิชย์ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด โดยจัดตั้ง กรอ.พาณิชย์ เพื่อเป็นเวทีสำคัญในการขับเคลื่อนการค้าการส่งออก โดยวันนี้ดำเนินการตามนโยบายเชิงรุกและเชิงลึก ติดตามการเปิดตลาดการค้าและด้านอื่นระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบียหลังตนนำคณะกระทรวงพาณิชย์ ภาคเอกชนและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเยือนซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันที่ 27-31 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยประเด็นสำคัญ 5 เรื่องที่หารือร่วมกัน
ประการที่หนึ่ง เราสามารถทำสัญญาซื้อขายสินค้าไทยไปซาอุฯได้ทันที 3,500 ล้านบาท
ประการที่สอง มีผลให้จัดตั้งสภาธุรกิจไทยซาอุฯ ตั้งเป้าหมายภายในหนึ่งปี จะทำมูลค่าการค้าระหว่างกันให้ได้ 10,000 ล้านบาท และประเด็นอื่นๆ ข้อสรุป 1)กระทรวงพาณิชย์จะจัดคลินิกส่งเสริมการส่งออก หรือ Export Clinic ไปตลาดซาอุฯ เพื่อทำงานร่วมกันระหว่างสภาอุตสาหกรรม ภาคเอกชนร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ ให้คำปรึกษา กฎระเบียบ มาตรการที่ไม่ใช่ภาษี สินค้าที่ต้องการของซาอุฯ บริการ ระบบการขนส่งและการจัดตั้งสายด่วนและเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการทำตัวเลขการส่งออกไปยังซาอุฯ
ให้มากขึ้น โดยเฉพาะหมวดอาหาร การก่อสร้าง ปิโตรเคมีและยานยนต์ เป็นต้น
2)จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าไทยในซาอุฯ เบื้องต้นกระทรวงพาณิชย์จะสนับสนุนนำสินค้าไทยร่วมงานแสดงสินค้าสำคัญที่ซาอุฯ โดยคัดไว้เบื้องต้น 5 งานสำคัญ
ประการที่สาม วันนี้กระทรวงพาณิชย์จับมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและกระทรวงการลงทุนของซาอุฯ จัด Webinar ส่งเสริมการค้าการลงทุนในสาขาสำคัญ เช่น ปิโตรเคมี การก่อสร้าง เหล็ก อะลูมิเนียม อาหาร การเกษตร ยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและส่งเสริมการส่งออก
ประการที่สี่ ที่ประชุมติดตามได้ความคืบหน้า ที่ตนนำคณะกระทรวงพาณิชย์ สภาอุตสาหกรรมเจรจากับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของซาอุดีอาระเบีย เรื่อง FTA ไทยกับกลุ่มประเทศอ่าวอาหรับ หรือ GCC ประกอบด้วย 6 ประเทศ คือ บาห์เรน คูเวต โอมาน กาตาร์ ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยเร่งรัดให้มีการเจรจาให้สัมฤทธิ์ผลโดยเร็ว และติดตามความคืบหน้าการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมทางการค้าไทย-ซาอุฯ (Joint Trade Committee: JTC) ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศซาอุดีอาระเบียให้ความเห็นชอบแล้ว ต่อไปเป็นการจัดตั้งให้เป็นเวทีเจรจาการค้าระหว่าง 2 ประเทศต่อไป
และประการที่ห้า ติดตามความคืบหน้าที่ตนนำคณะเอกชนกับกระทรวงพาณิชย์เดินทางไปเจรจากับทางการซาอุฯ ในเรื่องต่างๆที่ประสบความสำเร็จ 10 ข้อ เช่น ที่ต้องการให้อย. ซาอุ (SFDA)เดินทางมาตรวจโรงงานผลิตและส่งออกไก่แช่เย็น-แช่แข็ง อนาคตหวังว่าจะสามารถเปิดตลาดไก่ต้มสุกต่อไปซึ่งไก่ต้มสุกจะมีมูลค่าการตลาดมหาศาล
และการที่เอกชนไทยจะเดินทางไปซาอุฯที่ผ่านมามีปัญหาการขอวีซ่าเพราะต้องมีหนังสือเชิญจากซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นอุปสรรค วันนี้มีความคืบหน้าแนวโน้มที่จะเป็นไปได้จากนี้คือการขอวีซ่าของนักธุรกิจไทยไปซาอุฯให้สภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยหรือกลไกภาคเอกชนอื่นที่กฎหมายรับรองจากรัฐบาลไทยออกหนังสือรับรองให้ยื่นขอวีซ่าได้จะสะดวกยิ่งขึ้น
“นอกจากเราขายอาหารที่เป็นที่ต้องการคืออาหารฮาลาลให้กับซาอุฯและกลุ่มประเทศตะวันออกกลางแล้ว ต้นไม้จะเป็นอีกสินค้าทำเงินให้ประเทศหรือสร้างเงินให้ประเทศต่อไปในอนาคต จะได้มีการหารือกับกระทรวงเกษตรฯและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องต่อไปช่วยกันขับเคลื่อน” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าว
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในการเดินทางไปซาอุดีอาระเบีย ที่นำทีมโดยท่านจุรินทร์และผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ เป็นโอกาสดีเป็นประเทศที่มีศักยภาพไม่เฉพาะซาอุดีอาระเบีย แต่จะเป็นประตูเข้าสู่ประเทศตะวันออกกลางและภูมิภาคอื่นในอนาคต สินค้าไทยเป็นโอกาสที่ดี รวมทั้งสินค้าในหมวดก่อสร้าง อุตสาหกรรมอื่นที่เกี่ยวเนื่อง และอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ตอบรับดีมาก ขอขอบคุณท่านรองนายกฯและทีมงาน เป็นมิติใหม่ไม่เคยทำงานใกล้ชิดขนาดนี้ ภาครัฐทำงานเชิงรุกท่านรองนายกฯมีความเข้าใจภาคเอกชน ในความต้องการและแก้ปัญหาทุกอย่าง คิดว่าการจับมือร่วมมือกันโดย กรอ.พาณิชย์ ที่ท่านทำขึ้นมาทำให้พวกเราทำงานสะดวกคล่อง และจะมีกิจกรรมร่วมกันอย่างต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวระบุว่า ตลาดซาอุดีอาระเบีย เป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพและกำลังรอการเติบโต โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยไปซาอุดีอาระเบีย ในเดือน ม.ค.-ส.ค. 65 อยู่ที่ 43,114 ล้านบาท ขยายตัวถึงร้อยละ 15.9 โดยสินค้าสำคัญที่ไทยส่งออกไปซาอุดีอาระเบีย อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ ผลิตภัณฑ์ยาง อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป และเครื่องจักรและส่วนประกอบของ เครื่องจักร รวมถึงอาหารสัตว์ เป็นต้น