ครม.ไฟเขียวโครงการก่อสร้างปรับปรุงขยาย และการบริหารจัดการลดน้ำสูญเสีย ก่อสร้างปรับปรุงกิจการประปา อปท. 19 แห่งป้องกันปัญหาน้ำไม่เพียงพอและความต้องการใช้น้ำใน 10 ปี ข้างหน้า คาดแล้วเสร็จสามารถให้บริการผู้ใช้น้ำเพิ่มอีกกว่า 1 แสนราย
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติวงเงินงบประมาณรวมทั้งสิ้น 6,077.8 ล้านบาท ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินโครงการเพื่อการพัฒนาปี 2564 ของการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.)
ทั้งนี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบผลิตน้ำระบบส่งน้ำ และระบบจ่ายน้ำประปา ให้สามารถบริการน้ำประปาแก่ประชาชนได้เพิ่มขึ้นในอนาคตอย่างพอเพียง
รวมทั้งเพื่อบริหารจัดการลดน้ำสูญเสียในระบบผลิต - จ่ายให้เป็นไปตามเป้าหมาย และใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับการดำเนินการมีรวมทั้งสิ้น 19 โครงการ ประกอบด้วย
• โครงการก่อสร้างปรับปรุงขยาย และการบริหารจัดการลดน้ำสูญเสีย จำนวน 16 โครงการ
• โครงการก่อสร้างปรับปรุงกิจการประปาองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท. ) จำนวน 2 โครงการ
สำหรับเหตุผลความจำเป็นเนื่องจากปัญหาระบบน้ำดิบ เช่น แหล่งน้ำดิบในบางพื้นที่ไม่มีคุณภาพ ปัญหาระบบผลิตน้ำ อาทิ ประชากรและครัวเรือนในแต่ละพื้นที่ มีอัตราเพิ่มขึ้นทุกปีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกำลังการผลิตน้ำที่มีอยู่ ไม่สามารถรองรับความต้องการใช้น้ำใน 10 ปีข้างหน้าได้
โดยอยู่ระหว่างการจัดหาที่ดินเพื่อก่อสร้างสถานีสูบน้ำดิบ สถานีผลิตน้ำ และสถานีจ่ายน้ำแห่งใหม่จำนวน 12 แห่ง ได้แก่
• สาขาทุ่งสง
• เชียงราย
• นครพนม
• ปักธงชัย – โชคชัย
• แพร่ - เด่นชัย (สูงเม่น)
• โพนทอง
• บำเหน็จณรงค์
• ปากพนัง
• ชัยบาดาล - (สระโบสถ์)
• ศรีเชียงใหม่
• เกาะพงัน
• มหาชนะชัย
ส่วนก่อสร้างบนที่ดินเดิมทั้งหมด 7 แห่ง ได้แก่
• สาขาเชียงคาน
• กบินทร์บุรี
• บ้านดุง - (เพ็ญ-บ้านธาตุ) - (บ้านม่วง)
• บ้านผือ - (กลางใหญ่) - (น้ำโสม) - (กุดจับ)
• ชุมพร
• บ้านฉาง
• พนมสารคาม
อย่างไรก็ตาม เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะสามารถให้บริการผู้ใช้น้ำเพิ่มอีก 104,800 ราย ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนในเขตพื้นที่จำหน่ายน้ำของโครงการได้รับบริการน้ำสะอาดที่มีคุณภาพและปริมาณ เพียงพอสำหรับใช้เพื่อการอุปโภค บริโภค
พร้อมกันนี้ในส่วนของงบประมาณที่ประชุมครม.ได้เสนอให้ กปภ.พิจารณาใช้จ่ายเงินลงทุนจากเงินรายได้เป็นลำดับแรก และหากมีความจำเป็นต้องกู้เงิน ให้ กปภ. ดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงการคลัง โดย นายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการให้ดำเนินโครงการด้วยความสุจริต โปร่งใสเป็นธรรม มีประสิทธิภาพ สามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน