ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
ท่องเที่ยว ย้อนกลับ
ฝากชาวสังขละบุรี สร้างความประทับใจ นทท. มาแล้วต้องกลับมาใหม่!!
18 ต.ค. 2565

บรรยากาศเริ่มสู่ฤดูหนาว นักท่องเที่ยวเริ่มคึกคัก ผู้ประกอบการคาดการณ์ท่องเที่ยวสังขละบุรี ปี2566 จำนวน นักท่องเที่ยวน่าจะเพิ่มขึ้น  เนื่องจากมีความพร้อมทั้งสถานที่ ธรรมชาติ วัฒนธรรม และสะพานไม้ฯ เป็นจุดขายที่สำคัญ

วันนี้ 17 ต.ค. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ชุมชนชาวมอญบ้านวังกะ เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาร่วมทำบุญตักบาตรตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อความเป็นสิริมงคล โดยนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เลือกสวมใส่ชุดพื้นเมือง สีสันต์สวยงาม เพื่อถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก
ก่อนจะเดินลงไปเดินเล่นบนสะพานไม้อุตตมานุสรณ์ ซึ่งเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ท่ามกลางอากาศยามเช้าที่เย็นสบาย พร้อมทั้งใช้บริการประแป้งทานาคา และเลือกซื้อดอกไม้เพื่อนำไปไหว้พระที่เมืองบาดาล ที่เด็กๆ ชาวมอญกะเหรี่ยง นำมาบริการนักท่องเที่ยวบนสะพาน ส่งผลให้บนสะพานมอญเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวนอกจากนี้ นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวยังถือโอกาสเดินชิมอาหารร้านที่มีชื่อเสียงที่เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักท่องเที่ยว เช่น ร้านโจ๊กนั่งยอง ร้านขนมป้าหยิน  เป็นต้น

ส่วนบรรยากาศร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึกจำพวกพวกเสื้อผ้าพื้นเมือง เครื่องประดับต่างๆ มีนักท่องเที่ยวเลือกซื้อสินค้าจำนวนมาก ส่งผลดีต่อชาวบ้านในชุมชนช่วยให้มีรายได้ หลังได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจในพื้นที่ซบเซา

จากการพูดคุย น.ส.ณฐสิณี เต็งเที่ยง เจ้าของโรงแรมพรไพลินริเวอร์ไซด์ ซึ่งครอบครัว(คุณพ่อ)เป็นผู้ที่ที่บุกเบิกการท่องเที่ยวและดำเนินกิจการโรงแรมที่พักในสังขละบุรีเป็นแห่งแรก (โรงแรมศรีแดง) พบว่าขณะนี้จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ คาดว่าในปี 2566 บรรยากาศการท่องเที่ยวของอำเภอสังขละบุรีจะกลับมาได้รับความนิยมเหมือนในอดีตก่อนจะเกิดวิกฤติโควิด19 (ปี2563-2565)  เนื่องจากอำเภอสังขละบุรีมีธรรมชาติที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ ทั้งทะเลสาบในอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ  น้ำตกหลายแห่ง  มีทริปการเดินป่าศึกษาธรรมชาติในพื้นที่อุทยานเขาแหลม (เส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะไกลสันหนอกวัว มีวัฒนธรรม มีวิถีชีวิตของผู้คนที่ยังความเป็นเอกลักษณ์รวมทั้งงานประเพณีสำคัญต่างๆของชาวมอญและกะเหรี่ยง ที่สำคัญสะพานไม้ฯและวัดจมน้ำ(เมืองบาดาล) ซึ่งในอดีต ททท.ได้ประกาศให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว UNSEEN THAILAND ที่ยังคงเป็นจุดขายทางการท่องเที่ยวสำคัญ สามารถดึงดูดนัดท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ให้มาเยือนเมืองสังขละบุรีอย่างไม่ขาดสาย สร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ปีละหลายร้อยล้านบาท

ที่สำคัญอีกอย่างคือความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว ที่ได้รับการดูแลและเอาใจใส่อย่างดีจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะจากสถานีตำรวจภูธรสังขละบุรี ที่มี พ.ต.อ.ธนกร รอดเรือง ผกก.สภ.สังขละบุรี ที่มีโครงการจัดตั้งสายตรวจท่องเที่ยวขึ้นมาเพื่อดูแลและบริการ อำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยวที่นี่ รวมทั้งลงพื้นที่ติดตามการทำงานและดูแล นักท่องเที่ยวด้วยตนเองในช่วงวันหยุด เพื่อสร้างความอุ่นใจให้นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวสังขละบุรี.เสียง พ.ต.อ.ธนกร รอดเรือง ผกก.สภ.สังขละบุรี

ขณะที่นักท่องเที่ยวรายหนึ่งจากจังหวัดสงขลาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าตนเองและสามีรับราชการและมักเลือกวันหยุดช่วงปิดเทอมของลูกๆพาครอบครัวเดินทางท่องเที่ยว เนื่องจากเป็นช่วงเวลาพิเศษที่ครอบครัวจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขร่วมกัน  โดยปีนี้เลือกที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวอำเภอสังขละบุรี เนื่องจากเห็นว่าที่มีเป็นพื้นที่พิเศษที่มีทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิตของผู้คนที่หลากหลาย เมื่อได้มาสัมผัสแล้วรู้สึกประทับใจ ในรอยยิ้มและความเป็นกันเองของคนผู้คนที่นี่ ท่ามกลางอากาศที่เย็นสบาย โดยเฉพาะสะพานไม้อุตตมานุสรณ์ในบรรยากาศยามเย็นเช่นนี้ จึงอยากเชิญชวนให้ใครที่ยังไม่เคยมาเที่ยวที่นี้ ต้องรีบหาโอกาสมาเที่ยวสักครั้ง
 
ด้วยความพร้อมของทุกฝ่ายที่เตรียมความพร้อมในการรับการท่องเที่ยวเที่ยวในช่วงไฮซีซั่นที่กำลังจะมาถึง จึงไม่แปลกที่ทุกวันนี้ทำไมอำเภอสังขละบุรี เมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่สุดชายแดนตะวันตกของประเทศไทย จึงเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ต้องการเดินทางมาเยือนสักครั้งในชีวิต สุดท้ายต้องขอฝากไปยังชาวสังขละบุรี ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยือนในพื้นที่ อย่าให้นักท่องเที่ยวต้องผิดหวัง กลับไปแล้วมีโอกาสให้เขาต้องกลับมาเยือนใหม่



ทีมข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา   ไหลวารินทร์

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 31 มีนาคม 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...