นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยหลังร่วมงาน Asia Fruit Logistica 2022 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) ซึ่งงานจะจัดถึงวันที่ 4 พฤศจิกายน 2565 โดยงานนี้เป็นงานแสดงสินค้าผักและผลไม้สดอันดับหนึ่งของเอเชีย และในปี 2565 ว่า ประเทศไทยมีการส่งออกผลไม้ ไปยังตลาดต่างประเทศซึ่งอันดับแรกคือ จีน คิดเป็น 84.75 % ของปริมาณการส่งออกทั้งหมด ตามมาด้วย มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม เกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกา โดยในปี 2565 ที่ผ่านมาประเทศไทยมีปริมาณการส่งออกผลไม้สดทั้งหมด 2.82 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าการส่งออกผลไม้สูงถึง 1.8 แสนล้านบาท ซึ่งจากการคาดการณ์การส่งออกผลไม้ในปี 2566 จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยมี จีน เป็นลูกค้ารายใหญ่มีปริมาณการส่งออกผลไม้สด 2.39 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 1.59 แสนล้านบาท คาดการณ์ว่าการส่งออกจะมีมูลค่าสูงถึง 2 แสนล้านบาท
ปี 2565 ต่อเนื่องถึงปี 2566 กรมวิชาการเกษตรได้มีการยื่นขอเปิดตลาดสินค้าผลไม้เพิ่มเติมจากที่ส่งออกเดิมไปยังหลายประเทศ อาทิ จีน (อินทผลัม เสาวรส สละ) ซาอุดีอาระเบีย (ขุยมะพร้าว) สหรัฐอเมริกา (ลิ้นจี่ ลำไย มะม่วง มังคุด เงาะ สับปะรด แก้วมังกร ส้มโอ) ญี่ปุ่น (มะม่วง ส้มโอ มังคุด) และ ออสเตรเลีย (ลิ้นจี่ ลำไย มะม่วง มังคุด สับปะรด) ซี่งจะเป็นการขยายโอกาสของผลไม้ไทยสู่ตลาดโลกเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สั่งการให้ คุมเข้ม คุณภาพ ผลไม้ส่งออกทุกชนิดโดยเฉพาะมาตรฐานทุเรียน ส่งออกไปจีนพร้อมกับสั่งเดินหน้าปรับรหัสสวน GAP รูปแบบใหม่ เพื่อให้ทันการขึ้นทะเบียนส่งออกไปยังประเทศจีนรอบต่อไป ป้องกันการสวมสิทธิ เตือนผู้ประกอบการ และโรงคัดบรรจุรายใดส่งทุเรียนด้อยคุณภาพ ซึ่งกระทบต่อภาพลักษณ์และเศรษฐกิจ และผิดเงื่อนไขตามพิธีสารส่งออกผลไม้ไทยจีน ถือเป็นความผิดทางอาญา
ทั้งนี้ ในงาน Asia Fruit Logistica กรมวิชาการเกษตรจัดนิทรรศการให้ความรู้ ในเรื่องการบริหารจัดการผลไม้ การใช้มาตรฐาน GAP GMP ในกระบวนการผลิตผลไม้ การนำเสนอขั้นตอนการนำเข้าผลไม้สดสู่ประเทศไทยตาม พ.ร.บ.กักพืช การใช้ระบบ E-Phyto ในการบริการการส่งออกให้กับเอกชน พร้อมจัดแสดงตัวอย่าง ทุเรียน มังคุด มะม่วง ลำไย อะโวคาโด เพื่อโชว์ความพร้อมของประเทศไทยในการส่งออกผลไม้ไปต่างประเทศอย่างมีศักยภาพ สร้างรายได้มหาศาลให้กับประเทศไทย ด้วย.