นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงการดำเนินงานแก้ไขปัญหายาเสพติดซึ่งเป็นวาระเร่งด่วนของประเทศ ว่า สธ.มีบทบาทหลักในด้านการบำบัด ฟื้นฟู ผู้ติดยาเสพติด ซึ่ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการ สธ. ได้มีคำสั่งตั้งคณะอนุกรรมการชุดต่างๆ เพื่อเร่งรัดการดำเนินงาน โดยในส่วนของคณะอนุกรรมการระบบบำบัด ฟื้นฟู ติดตามผู้ติดยาเสพติดได้เห็นชอบแนวทางการดำเนินงาน 4 เรื่อง คือ
1.การตั้งคณะทำงานบูรณาการ คัดกรอง บำบัดรักษา ฟื้นฟูสมรรถภาพ และฟื้นฟูสภาพทางสังคม ระดับจังหวัดและกรุงเทพมหานคร โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน และมีนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) เป็นรองประธาน ทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เพื่อขับเคลื่อนนโยบายและมาตรการเกี่ยวกับการบำบัดรักษาและฟื้นฟู
2.การกำหนดบทบาทหน้าที่และแผนการดำเนินงานนักจัดการระบบและทีมสหวิชาชีพในการบำบัดฟื้นฟูผู้ป่วยยาเสพติด ระดับจังหวัด (System Manager & Case Manager :SM/CM)
3.การจัดการบริหารโควต้าผู้ป่วยยาเสพติดแบบฟื้นฟูระยะยาวในเขตสุขภาพ จำนวน 5,000 ราย ในสถานฟื้นฟูฯ 61 แห่ง โดยมีแนวทางการส่งต่อผู้ป่วย ทั้งผู้ป่วยนำใบส่งตัวไปยังสถานฟื้นฟูฯ ด้วยตนเอง และส่งผู้ป่วยไปตามรอบการจัดสรรที่ สสจ.กำหนด
และ 4.แนวทางการดำเนินงานบำบัดโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน (CBTx) สำหรับกลุ่มผู้ใช้ยาเสพติด (สีเขียว) ให้เป็นการบริการภายใต้ศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคม โดยมีกระทรวงมหาดไทย (มท.) เป็นเจ้าภาพหลัก และ สธ.สนับสนุนด้านวิชาการและบุคลากรในพื้นที่ ซึ่งหากแผนงานโครงการใดมีความจำเป็นเร่งด่วนตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี และตามมติที่ประชุมของคณะอนุกรรมการระบบบำบัดฯ แต่โครงการนั้นๆ ไม่ได้รับสนับสนุนงบประมาณประจำให้ส่งแผนงานมาที่ สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการบำบัดรักษาและฟื้นฟู ผู้ติดยาเสพติด กระทรวงสาธารณสุข (สลบ.สธ.) เพื่อดำเนินการของบกลางต่อไป
“ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2565 สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) ร่วมกับ โรงพยาบาล (รพ.) ธัญญารักษ์ ในภูมิภาค และ สสจ. 4 แห่ง ได้แก่ เชียงใหม่ ขอนแก่น ปทุมธานี และสงขลา ได้จัดโครงการพัฒนาศักยภาพผู้ปฏิบัติงานในสถานฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด รุ่นที่ 1 มีผู้เข้ารับการอบรมจาก กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ และกรมการปกครอง รวม 240 คน ในปีงบประมาณ 2566 จะจัดการอบรมอีก 2 รุ่น รวม 480 คน เพื่อให้มีบุคลากรครอบคลุมสถานฟื้นฟูของภาคีเครือข่ายทุกแห่งทั่วประเทศ” นพ.โอภาส กล่าว