มาตรการลดค่าครองชีพของประชาชนด้วยการลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลง 5 บาทต่อลิตร จะครบกำหนดในวันที่ 20 พ.ย.2565 ซึ่งรัฐบาลยังติดตามสถานการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า มาตรการลดค่าครองชีพของประชาชนด้วยการลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลง 5 บาทต่อลิตร จะครบกำหนดในวันที่ 20 พ.ย.2565 ซึ่งรัฐบาลยังติดตามสถานการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซลในตลาดโลกที่ยังทรงตัวในระดับสูงและความต้องการใช้น้ำมันในหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ขณะเดียวกันก็ยังมีปัจจัยอื่นที่กระทบต่อราคาน้ำมันทั้งเรื่องของการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่อาจทำให้เศรษฐกิจถดถอยและปริมาณการใช้น้ำมันโลกอาจลดลง ขณะเดียวกันก็ยังมีปัจจัยเรื่องการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกพลัส 2 ล้านบาร์เรลต่อวันซึ่งเป็นการปรับลดที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์และมีผลทำให้ราคาน้ำมันยังปรับเพิ่มขึ้นได้จึงต้องจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
“ต้องดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะช่วงนี้เป็นสถานการณ์วิกฤตที่พิเศษ ราคาผันผวนซึ่งประเมินยาก เพราะดอกเบี้ยมีการปรับขึ้น ซึ่งไม่แน่ใจว่าราคาน้ำมันจะลงหรือไม่ หากตามทฤษฎีการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดจะกดให้ราคาน้ำมันลงบ้างตามทิศทางของเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แต่ต้องจับตาค่าเงินบาทว่าจะอ่อนค่าตามด้วยหรือไม่”นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว
นายสุพัฒนพงษ์ ตอบคำถามประเด็นของขวัญปีใหม่ที่รัฐบาลจะมอบให้ประชาชน จะครอบคลุมการต่ออายุมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลออกไปอีกหรือไม่ ว่า หากจะมีการต่ออายุมาตรการออกไปก็อาจจะไม่ได้รวมอยู่ในแพคเกจของขวัญปีใหม่ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพราะแพคเกจของขวัญปีใหม่จะเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.ในวันที่ 29 พ.ย.2565 ภายหลังการประชุมเอเปคเสร็จสิ้นแล้ว
สำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันนายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่าเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัวต่อเนื่อง ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) กำลังปรับตัวดีขึ้น สะท้อนผ่านตัวเลขการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น การบริโภคของประชาชนและภาคเอกชนดีขึ้น การส่งออกดีขึ้น ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติล่าสุดมีจำนวนมากถึง 7.5 ล้านคนในปีนี้ ซึ่งรัฐบาลจำเป็นที่ต้องดูแลต้นทุนการผลิตต่างๆเพราะว่าหากต้นทุนการผลิตสูงเกินไปก็จะกระทบกับความสมดุลของเศรษฐกิจในช่วงที่กำลังฟื้นตัว รวมทั้งหาทางในการเพิ่มกำลังซื้อของประชาชนให้มากขึ้น