นายกฯ กล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดอาเซียนบวกสาม ครั้งที่ 25 ย้ำความร่วมมือรอบด้าน มองไปข้างหน้า มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง เสริมสร้างเศรษฐกิจในภูมิภาค
เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2565 เวลา 08.00 น. ณ โรงแรมสกคา กรุงพนมเปญ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมและกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดอาเซียนบวกสาม ครั้งที่ 25 (the 25th ASEAN Plus Three Summit) โดยมีผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนหรือผู้แทน (ยกเว้นเมียนมา) นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน นายยุน ซ็อก-ยอล ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี นายคิชิดะ ฟูมิโอะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และเลขาธิการอาเซียน เข้าร่วมประชุม เพื่อทบทวนความร่วมมือภายใต้กรอบอาเซียนบวกสามในรอบปีที่ผ่านมา กำหนดทิศทางความร่วมมือ และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น
ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวสรุป ดังนี้
นายกรัฐมนตรีไทยกล่าวถึงความสำคัญของอาเซียนบวกสามในฐานะกรอบความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมหลักของภูมิภาค พร้อมแสดงความยินดีกับทุกประเทศที่ได้ผ่านพ้นจากวิกฤติโควิด-19 ได้อย่างเข้มแข็ง ถือเป็นบทพิสูจน์ให้เห็นถึงความจำเป็นในการรักษาพลวัตของความร่วมมืออาเซียนบวกสาม โดยยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะดำเนินการตามแผนงานความร่วมมืออาเซียนบวกสามฉบับใหม่ที่มองไปข้างหน้าและมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง
นายกรัฐมนตรีนำเสนอ 2 ประเด็นสำคัญในวาระครบรอบ 25 ปี ของอาเซียนบวกสาม เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของภูมิภาคในระยะยาว ดังนี้
1. เร่งขยายความร่วมมือเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืน และเสริมสร้างบูรณาการทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ไทยพร้อมดำเนินการตามแผนงานความร่วมมือด้านเศรษฐกิจอาเซียนบวกสาม ปี 2566-2567 และยินดีต่อความร่วมมือภายใต้กรอบการฟื้นฟูที่ครอบคลุมของอาเซียน (ACRF) และเน้นย้ำให้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากความตกลงการค้าเสรีระหว่างอาเซียนกับประเทศบวกสามควบคู่ไปกับ RCEP เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว
2. ผลักดันวาระด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน สร้างสมดุลระหว่างสรรพสิ่งที่ครอบคลุมและรอบด้าน คำนึงถึงประเด็นท้าทายระดับโลกต่าง ๆ และประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยตรง โดยไทยได้เสนอโมเดลเศรษฐกิจ BCG เป็นแนวทางให้สามารถบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยจะสานต่อบทบาทในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องกับนานาประเทศเพื่อสอดประสานนโยบายด้านการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมต่อไป
ท้ายสุด นายกรัฐมนตรี ได้ฝากผู้นำประเทศบวก 3 และผู้นำท่านอื่น ๆ ให้ช่วยกันเสริมสร้างบรรยากาศแห่งสันติภาพและความร่วมมือที่สร้างสรรค์ในภูมิภาค โทยทั้ง 3 ประเทศเป็นกุญแจสำคัญยิ่งในการไขประตูแห่งความสำเร็จนานาประการ ซึ่งจะนำพาโลกของเราไปสู่สันติสุขตลอดไป