เมื่อ วันที่ 23 พ.ย. 65 นางสายสมร พาบุตร ผู้ใหญ่บ้านทับทิมสยาม 07 หมู่ที่ 15 ต.บักดอง อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วยชาวบ้านอีกจำนวนหนึ่ง นำผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบที่พักสงฆ์ตั้งอยู่ท้ายหมู่บ้านทับทิมสยาม 07 บนเทือกเขาพนมดงรัก ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งถูกปล่อยทิ้งร้าง ไม่มีพระสงฆ์ สามเณร อยู่จำพรรษา
ซึ่งสถานที่ดังกล่าวอยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของหมู่บ้าน พื้นที่ส่วนใหญ่ของบริเวณดังกล่าวเป็นเชิงเขา มีผาหินขนาดใหญ่ สลับซับซ้อน เป็นขั้นบันได ตามแนวเชิงเขา โดยชาวบ้านในพื้นที่ได้ปลูกยางพารา ทุเรียนภูเขาไฟ และมันสำปะหลัง เมื่อเดินลงไปบริเวณหน้าผา หรือปากถ้ำ ซึ่งชาวบ้านเรียกจุดนี้ว่า “ถ้ำรัตนะ” พบต้นไทรขนาดใหญ่อยู่บริเวณปากถ้ำ ริมหน้าผา ส่วนที่บริเวณรากไทร มีรูปปั้นตา-ยาย และศาลไม้ผุพัง ตั้งอยู่ พร้อมกับมีผ้าเจ็ดสีผูกรอบต้นไม่ใหญ่ อีกทั้งยังมีชุดไทยโบราณ และเสื้อผ้าเด็ก รวมทั้งของเล่นเด็ก ถูกแขวนไว้หลายชุด คาดว่าชาวบ้านที่มาขอโชคลาภแล้วประสบความสำเร็จนำมาแก้บน
ห่างจากจุดนั้นมาประมาณ 20 เมตร มีน้ำไหลจากบนหน้าผาลงมาตลอดทั้งปี และมีร่องรอยการนำภาชนะ เช่น ถัง กะละมัง มารองน้ำไว้ใช้ ภายในถ้ำพบลานปูนปูกระเบื้องเงา และมีพระพุทธรูปตั้งอยู่บนฐานไม้ จำนวนกว่า 20 องค์ รูปร่างสวยงามแปลกตา ข้างกันพบอาสนะสงฆ์ พร้อมกับตาลปัตรวางอยู่ มีฝุ่นเขรอะ ด้านหลังพระ พบแคร่ไม้ไผ่ พร้อมกับหมอน และมุ้ง วางอยู่ ซึ่งบริเวณโดยรอบค่อนข้างเงียบ สงบ ร่มรื่น ท่ามกลางป่าเขา และดูมีมนต์ขลัง
นางสายสมร พาบุตร ผู้ใหญ่บ้านทับทิมสยาม 07 เล่าว่า เมื่อหลายปีก่อนสถานที่ตรงนี้เป็นถ้ำธรรมดา และมีเกษตรกร เข้ามาอาศัยทำการเกษตร หลังจากนั้นได้มีพระสงฆ์ เดินธุดงค์มาพบ ได้กล่าวว่าจุดนี้เป็นจุดที่มีอาถรรพ์ และมีความศักดิ์สิทธิ์ ก็เลยได้มาขอจำพรรษากับเจ้าของที่ ที่ชื่อรัตนะ ซึ่งต่อมาเจ้าของที่ได้บวชเป็นพระ เคยได้มาจำพรรษาอยู่จุดแห่งนี้ด้วย จากนั้นได้ลาสิกขาไป และได้เสียชีวิตเมื่อหลายปีก่อน จึงเป็นที่มาของสถานที่ดังกล่าว ชาวบ้านจึงเรียกชื่อถ้ำแห่งนี้ว่า “ถ้ำรัตนะ” ซึ่งเป็นชื่อของเจ้าของที่แต่นั้นมา
ผู้ใหญ่บ้านทับทิมสยาม 07 กล่าวอีกว่า ต่อมาได้มี พระสงฆ์อีกรูปหนึ่ง เดินธุดงค์มาจำพรรษาที่วัดแห่งนี้ ชาวบ้านต่างพากันเลื่อมใสศรัทธา ขณะนั้น คนที่มาทำบุญที่นี่ต่างพากันถูกหวยรวยไปหลายราย หลายงวดติดกัน จนได้เริ่มมีการบูรณพัฒนาพื้นที่เทปูน ปูกระเบื้อง ทำห้องน้ำ ห้องสุขา แต่ต่อมาพระสงฆ์รูปดังกล่าวได้ธุดงค์ไปจำวัดที่อื่นโดยไม่มีใครทราบว่าไปอยู่ไหน ส่งผลทำให้ชาวบ้านในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียงที่ทราบข่าว ต่างพากันแห่มาเที่ยวชมและขอโชคลาภ หวังถูกหวยรวยเป็นเศรษฐีกันทุกราย
“ทั้งนี้สืบเนื่องจากกรณีมีข่าวสาวกราบไหว้ขอโชคลาภ จากวัดร้าง ที่ จ.ชุมพร จนกระทั่งถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 จนกลายเป็นกระแสทำให้หลายคนสนใจเช็คพิกัดวัดร้างเพื่อจะไปขอโชคลาภกันคึกคักทั่วประเทศ ซึ่งตนคิดว่าจุดนี้ก็คงเป็นอีก 1 แห่ง ที่ชาวบ้าน รวมถึงนักท่องเที่ยวทั่วไป ที่ชื่นชอบในการท่องเที่ยวเชิงศาสนา และธรรมชาติ ได้มาพบเห็นแล้วจะเกิดความประทับใจ ตอนนี้มีชาวบ้านเริ่มที่จะตื่นตัวแห่มากราบไหว้ขอพร บนบาน ให้ชีวิตประสบความโชคดี น่าจะพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนาและศึกษาธรรมชาติ” นางสายสมร กล่าว
ซึ่งการเข้ามาเยี่ยมชมถ้ำรัตนะในวันนี้ ได้มีชาวบ้านคนหนึ่งส่องหาเลขเด็ด และมองเห็นเป็นตัวเลข 5, 2 และเลข 9 ที่บริเวณศาลตา-ยาย ใต้ต้นไทรอีกด้วย.
ณัฐธรชนม์ สิริโชติสกุล / ศรีสะเกษ