นายภูมิพิทักษ์ กองแก้ว รองเลขาธิการกรรมการการเลือกตั้ง แถลงผลมติว่า ที่ประชุม กกต.มีมติส่งความเห็นแย้งเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้งไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อตั้งกรรมการร่วม 3 ฝ่ายในวันศุกร์นี้ หลังเห็นว่ามี 6 ประเด็น ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและบัญญัติเกินกว่าที่รัฐธรรมนูญกำหนด ประกอบด้วย คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของคณะกรรมการสรรหา ซึ่งมาตรา 11 วรรค 3 ของรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ชัดเจนแล้ว แต่ในร่างกฎหมายลูกกำหนดเพิ่มให้การคัดเลือกต้องมีความเป็นกลาง ซื่อสัตย์สุจริต เข้าใจการทำงานของกกต. ไม่อยู่ใต้อาณัติของฝ่ายการเมือง เช่นเดียวกับ มาตรา 12 วรรค 1 ว่าด้วยคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของ กกต. ขัดแย้งกับมาตรา 203 วรรคท้าย ประกอบมาตรา 206 และ 222 ที่เขียนเกินกว่ารัฐธรรมนูญกำหนด
นอกจากนี้ ม.26 อำนาจหน้าที่ของ กกต.หนึ่งคนในการสั่งระงับการเลือกตั้งหากพบการทุจริตในเขตเลือกตั้ง และ มาตรา 27 อำนาจหน้าที่ของ กกต.ในการจัดการเลือกตั้งท้องถิ่น รวมถึงประเด็นกฎหมายลูกกำหนดให้กกต.สามารถมอบอำนาจการสืบสวนสอบสวนให้กับเลขาหรือพนักงานในการสืบสวน ขณะที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้เป็นอำนาจของ กกต.
ขณะที่ มาตรา 70 ประเด็นการเซ็ตซีโร่ กกต. ทั้งคณะมองว่า ขัดต่อหลักนิติธรรมและนิติประเพณี ตามมาตรา 3 วรรค 2 และ มาตรา 26 และ 27 ของรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ จะส่งเป็นหนังสือไปยัง สนช. พร้อมแนบเอกสารประกอบการเปรียบเทียบเหตุผลข้อโต้แย้งด้วย สำหรับการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยนั้น ยังไม่มีการหารือ โดยต้องรอผลสรุปจากกรรมการร่วม 3 ฝ่ายก่อน