นายสุชาติ ชมกลิ่นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานกล่าวเปิดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี
สภาองค์การลูกจ้างแรงงานยานยนต์แห่งประเทศไทย ครั้งที่ 15/2565 โดยมี นายมานิตย์ พรหมการีย์กุล ประธานสภาองค์การลูกจ้างแรงงานยานยนต์แห่งประเทศไทย นายนริศ นิรามัยวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน หัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงาน จ.ชลบุรี และผู้นำแรงงาน ให้การต้อนรับ ณ ห้องประชุม โรงแรมดิวารี จอมเทียน บีช พัทยา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี
นายสุชาติ กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสําคัญกับการพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องผู้ใช้แรงงาน ซึ่งสภาองค์การลูกจ้างแรงงานยานยนต์แห่งประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในกลไกที่จะร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ให้เจริญก้าวหน้า ที่ผ่านมาคณะกรรมการบริหารสภาฯ และเหล่าบรรดาสมาชิกได้ร่วมกันบริหารงานด้วยความความสามัคคีปรองดอง เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จนทำให้สภาองค์การลูกจ้างแรงงานยานยนต์แห่งประเทศไทยเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และพัฒนาก้าวสู่การเป็นองค์กรที่เข้มแข็งภายในระยะเวลาเพียง 15 ปี บนพื้นฐานของหลักการแรงงานสัมพันธ์ที่ดี รวมทั้งยังให้ความร่วมมือกับกระทรวงแรงงาน และหน่วยงานภาครัฐในการดำเนินกิจกรรมโครงการต่างๆ ด้วยดีเสมอมา ถือเป็นแบบอย่างที่ดี
นายสุชาติ กล่าวต่อว่า ในช่วงที่เกิดสถานการณ์โควิด-19 ทุกคนถือเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมขับเคลื่อนและผนึกกำลังกันเพื่อก้าวข้ามจนมาถึงวันนี้ ซึ่งในห้วงดังกล่าว รัฐบาลโดยกระทรวงแรงงานได้มีมาตรการต่างๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือนายจ้างและพี่น้องแรงงานในหลายๆ ด้าน เช่น การเปิดจุดตรวจโควิด ฉีดวัคซีน จัดหา Hospitel ลดเงินสมทบ แฟคทอรี่ แซนบ๊อก เยียวยานายจ้าง ผู้ประกันตนในพื้นที่ 29 จังหวัด กิจการบันเทิง เยียวยาจากการปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง การรักษาการจ้างงานในการให้ความช่วยเหลือ SMEs ทำให้ส่งออกโตสูงสุดในรอบ 30 ปี รวมทั้งจากข้อมูลกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือ (IMF) ที่ได้วิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจโลก ฉบับเดือนตุลาคม 2565 พบว่า ไทยเป็นประเทศที่มีอัตราการว่างงาน “ต่ำที่สุดในโลก” แม้ในปีที่แล้วช่วงพีคของโควิด เรายังมีคนว่างงานเพียงร้อยละ 1.5 % ซึ่งเป็นรองเพียงคูเวตที่มีประชากรแค่ 4 ล้านคนซึ่งประเทศไทย เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศ ที่ IMF คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะเติบโต มี GDP เป็นบวก คือ จาก 2.8 เป็น 3.7 โดยในเอเชีย มีเพียงไทยและจีน 3.2 เป็น 4.4 เท่านั้น ที่ IMF คาดการณ์ว่า GDP จะเป็นบวก ไม่นับฮ่องกงและมาเก๊า นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานยังได้วางรากฐานเพื่อสร้างความมั่นคงในอนาคตแก่พี่น้องแรงงาน เช่น ปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเพื่อให้มีรายได้ที่เหมาะสม เร่งผลักดันแก้ไขกฎหมายประกันสังคม 3 ขอ จัดตั้งธนาคารเพื่อผู้ประกันตน บ้านสำหรับผู้ประกันตน เป็นต้น
“ขอชื่นชมสภาองค์การลูกจ้างแรงงานยานยนต์แห่งประเทศไทยที่มุ่งมั่นธำรงรักษาความสามัคคี และยึดมั่นหลักแรงงานสัมพันธ์ที่ดี เพื่อสร้างการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านแรงงาน เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศสามารถยืนหยัด และก้าวไปข้างหน้าด้วยกันอย่างมั่นคง อันจะนำมาซึ่งความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจของประเทศ และเกิดประโยชน์สุขร่วมกันทั้งนายจ้าง ลูกจ้างต่อไป” นายสุชาติ กล่าวตอนท้าย