พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก นายพงษ์สิทธิ์ ชัยฉัตรพรสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน สายงานกำกับกฎเกณฑ์และกฎหมาย ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และพ.อ.สรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ร่วมแถลงข่าวระบบบันทึกคะแนนความประพฤติในการขับรถ หรือระบบตัดแต้ม
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ระบบตัดคะแนนความประพฤติในการขับรถ กำหนดไว้ในระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับระบบการบันทึกคะแนนความประพฤติในการขับรถของผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี่ พ.ศ.2565 จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 มกราคม 2566 ซึ่งจะเป็นมาตรการเสริมในการสร้างวินัยการขับขี่เพิ่มเติมจากการออกใบสั่ง กำหนดให้ผู้ที่มีใบอนุญาตขับขี่แต่ละรายจะมีคะแนนความประพฤติคนละ 12 คะแนน ไม่ว่าผู้นั้นจะได้รับใบอนุญาตขับขี่กี่ชนิดก็ตาม
หากทำผิดกฎจราจรในข้อหาที่ระบุไว้ จะถูกตัดคะแนนตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่กำหนด 1.ตัดคะแนนเมื่อทำผิดที่เป็นปัจจัยในการเกิดอุบัติเหตุ ตาม 20 ฐานความผิด จะถูกตัดคะแนนเมื่อทำผิดทันที โดยแบ่งเป็น 4 ระดับ เช่น ตัด 1 คะแนน เมื่อขับรถเร็วเกินกำหนด ไม่สวมหมวกนิรภัย ไม่รัดเข็มขัดนิรภัย ไม่หยุดให้คนข้ามทางม้าลาย ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ ตัด 2 คะแนน ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร ตัด 3 คะแนน ชนแล้วหนี 4 คะแนน เช่น เมาแล้วขับ ขับรถเสพยา แข่งรถในทาง
2.ความผิดที่กฎหมายกำหนดให้ออกใบสั่ง 42 ฐานความผิด จะถูกตัดคะแนนเฉพาะกรณีไม่ชำระค่าปรับตามใบสั่งในเวลาที่กำหนดเท่านั้น เช่น ฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจรในทาง จอดในที่ห้ามจอด ไม่แสดงใบอนุญาตขับขี่ขณะขับรถ
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวอีกว่า วิธีการตัดคะแนนจะดำเนินการโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ใช้ระบบฐานข้อมูลใบสั่ง PTM ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการบันทึกการทำผิดกฎจราจรและตัดคะแนนในแต่ละครั้ง หากผู้ขับขี่ถูกตัดคะแนนจนเหลือ 0 คะแนน จะถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ หรือห้ามขับรถทุกประเภท เป็นเวลา 90 วัน
โดยตำรวจจะมีหนังสือแจ้งคำสั่งดังกล่าว และหากฝ่าฝืนไปขับรถในขณะถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่เป็นครั้งที่ 3 ภายใน 3 ปี อาจจะถูกสั่งพักใช้มากกว่า 90 วัน และหากยังถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่อีกเป็นครั้งที่ 4 อาจถูกพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่”
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวต่อว่า หากถูกตัดคะแนนสามารถอบรมกับกรมการขนส่งทางบก เพื่อคืนคะแนนได้ หรือเมื่อครบกำหนด 1 ปี จะได้คะแนนคืนอัตโนมัติ“คะแนนที่ถูกตัดไปในแต่ะครั้ง จะได้รับคืนเมื่อครบกำหนด 1 ปี นับแต่วันกระทำผิดครั้งนั้นๆ เว้นแต่เป็นกรณีที่ถูกตัดเหลือ 0 คะแนน จะได้รับคืนเมื่อพ้นกำหนดเวลาการสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ โดยได้รับคืนเพียง 8 คะแนน หรือคืนคะแนนโดยวิธีการเข้ารับการอบรมกับกรมการขนส่งทางบก ซึ่งมี 2 กรณี
กรณีที่คะแนนเหลือน้อยกว่า 6 คะแนน สามารถขอเข้ารับการอบรมจากกรมการขนส่งทางบกได้ แต่อบรมได้เพียงปีละ 2 ครั้ง กรณีที่ถูกตัดคะแนนจนเหลือ 0 คะแนน และต้องการคะแนนกลับคืนมาทั้งหมด 12 คะแนน สามารถขอเข้ารับการอบรมจากกรมการขนส่งทางบกได้ เมื่อผ่านการอบรมตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของกรมการขนส่งทางบก ก็จะได้รับคืนคะแนนตามที่กำหนด
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ กล่าวต่อว่า ประชาชนสามารถ ตรวจสอบคะแนน ใบสั่งได้ที่เว็บไซต์ E-Ticket PTM หรืแอพพลิเคชั่น ขับดี (KHUB DEE) ขณะที่เข้าชำระค่าปรับจราจรได้ที่แอพพลิเคชันเป๋าตัง “การตัดคะแนนความประพฤติในการขับรถ เรายึดหลักความโปร่งใส และความเท่าเทียมกัน โดยให้โอกาสปรับปรุงแก้ไขพฤติกรรม และป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ ตามมาตรฐานสากล เพื่อลดอุบัติเหตุ และสร้างความปลอดภัยให้ทุกคน”