รัฐบาลมีนโยบายให้ควบรวมกองทุน กยศ. และ กรอ. เข้าด้วยกัน กระทรวงการคลังจึงเสนอ พ.ร.บ. กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ.2560 เพื่อส่งเสริมวินัยทางการเงิน และลดปัญหาค้างชำระหนี้ของผู้กู้ยืม บูรณาการความร่วมมือภาครัฐและเอกชนอย่างเป็นระบบ และเพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้กู้ยืมรุ่นต่อไป ซึ่งจะมีข้อบังคับใช้ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2560
ดร.ฑิตติมา วิชัยรัตน์ ผู้จัดการกองทุนฯ กล่าวว่า กองทุนฯ จัดทำร่างกฎหมายลูกเพื่อรองรับการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ.2560 “พ.ร.บ. ใหม่” ที่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2560 และจะมีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 180 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไปนั้น โดยสาระสำคัญของ พ.ร.บ. ใหม่ ยังเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการของกองทุน โดยเฉพาะในส่วนการติดตามหนี้ ที่เป็นสาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ คือได้กำหนดให้องค์กรนายจ้างมีหน้าที่หักเงินได้ที่มาจากการจ้างแรงงาน เช่น เงินเดือนค่าจ้างฯ ของผู้กู้ยืมที่เป็นพนักงานลูกจ้างนำส่งกรมสรรพากรพร้อมกับการนำส่งภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายเพื่อชำระหนี้คืนกองทุน นอกจากนี้กองทุนสามารถขอข้อมูลหรือเปิดเผยข้อมูลเท่าที่จำเป็นของผู้กู้ยืม เพื่อประโยชน์ในการบริหารกองทุนและการติดตามการชำระเงินคืนเท่านั้น ซึ่งกฎหมายใหม่จะช่วยป้องกันความเสี่ยงมิให้ผู้กู้ยืมที่ค้างชำระหนี้ต้องเสียเบี้ยปรับและถูกดำเนินคดี/บังคับคดี เนื่องจากที่ผ่านมากองทุนมีฐานข้อมูลของผู้กู้ยืมที่ไม่เป็นปัจจุบันทำให้ยากต่อการติดต่อสื่อสาร และไม่มีมาตรการเชิงบังคับในการชำระหนี้ที่มีประสิทธิภาพเพียงพอ
พ.ร.บ.ฉบับใหม่ จะเป็นการช่วยเพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้กับนักเรียน นักศึกษา ด้วยการเพิ่มการให้กู้ยืมมากลักษณะขึ้นกว่าเดิม ซึ่งแบ่งเป็น 4 ลักษณะ คือ (1) ขาดแคลนทุนทรัพย์ (2) ศึกษาในสาขาวิชาความต้องการหลักต่อการพัฒนาประเทศ (3) ศึกษาในสาขาขาดแคลนหรือมุ่งส่งเสริมเป็นพิเศษ และ (4) เรียนดีเพื่อสร้างความเป็นเลิศ พ.ร.บ. ใหม่ฉบับนี้ เป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนอย่างเป็นระบบ ในการส่งเสริมวินัยทางการเงิน ป้องกันความเสี่ยงของผู้กู้ยืม รวมถึงสร้างจิตสำนึกและความรับผิดชอบต่อเงินกู้ยืมที่นำมาจากงบประมาณแผ่นดิน เพื่อส่งต่อโอกาสทางการศึกษาให้กับนักเรียน นักศึกษาในรุ่นต่อไป