นายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ค้านแนวคิดไพรมารีโหวต ว่า แนวทางการปฏิบัติยังไม่มีใครสามารถให้ความชัดเจนได้ อีกทั้งมองว่า ไม่เหมาะกับระบบรัฐสภาไทย ที่มีกรรมการบริหารเป็นแกนกลางในการขับเคลื่อนพรรคการเมือง แต่ปัญหาที่จะพบชัดเจน คือ เจตนารมณ์ของระบบเลือกตั้งใหม่ของรัฐธรรมนูญ ต้องการเปิดกว้างให้ทุกพรรคการเมือง แม้จะได้คะแนน เสียงเท่าไหร่ ของเขตเลือกตั้ง ทุกคะแนนมีความหมายในการคำนวณ ส.ส. แต่ได้มีการเพิ่มเงื่อนไขในการส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งแบบแบ่งเขต หากใครไม่อยู่ในพื้นที่ที่มีตัวแทนพรรคการเมืองที่นิยม จะไม่มีสิทธิ์ได้เลือกตัวแทนของพรรคการเมืองนั้น
นอกจากนี้ การกำหนดให้การเรียงลำดับผู้สมัครในระบบบัญชีรายชื่อเป็นเรื่องของไพรมารีโหวต สวนทางกับแนวทางการมีบัญชีรายชื่อตั้งแต่ต้นที่ต้องการให้พรรคการเมืองจัดบุคคลอีกกลุ่มหนึ่งมาลงสมัครรับเลือกตั้งมาทำงานให้กับพรรคการเมือง โดยไม่ต้องผูกพันกับการมีคะแนนเสียงในพื้นที่ต่างๆ ขณะเดียวกัน เมื่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองประกาศใช้ ควรเร่งสรรหาคณะกรรมการการเลือกตั้ง เข้ามาทำหน้าที่รวมทั้งกำหนดระเบียบให้ชัดเจน เพื่อให้พรรคการเมืองทำหน้าที่ได้ง่ายขึ้น
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขอความเห็นใจจากการพิจารณาคดีในโครงการรับจำนำข้าว พร้อมทั้งร้องขอความเป็นธรรมว่า หากเชื่อว่า ตัวเองสุจริตใจ ก็ไม่ต้องเป็นกังวล เพราะทุกคนต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและไว้วางใจในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งก็มีระบบการไต่สวนการให้โอกาสต่อสู้อยู่แล้ว หากไม่ผิดก็ไม่ต้องกลัวอะไร