การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จัดกิจกรรมออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ Doctor Train ครั้งที่ 2 ที่โรงรถจักรลำปาง จังหวัดลำปาง โดยมีนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นประธานพิธีเปิด พร้อมด้วยศาสตราจารย์นายแพทย์อนันต์ ศรีเกียรติขจร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) คณะผู้บริหารการรถไฟฯ คณะแพทย์ สจล. และคณะแพทย์โรงพยาบาลบุรฉัตรไชยากร ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างการรถไฟฯ กับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ในการเปิดให้บริการตรวจสุขภาพและคัดกรองโรคแก่ประชาชน เจ้าหน้าที่ ลูกจ้างการรถไฟฯ และครอบครัว ในจังหวัดลำปาง และพื้นที่ภาคเหนือฟรี โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เมื่อวันที่ 2 - 3 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา เพื่อสนับสนุนให้ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงการรักษาและเสริมสร้างสุขอนามัยที่ดีได้อย่างเท่าเทียมกัน
นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า การจัดกิจกรรมหน่วยแพทย์เฉพาะทางเคลื่อนที่ หรือ Doctor Train ถือเป็นกิจกรรมเพื่อสังคมที่การรถไฟฯ จัดขึ้น เพื่อมุ่งเสริมสร้างสุขภาพอนามัยที่ดีแก่พนักงาน ครอบครัวคนรถไฟ และประชาชนทั่วไป โดยได้ร่วมมือกับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) จัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการวิจัยและพัฒนาการให้บริการทางการแพทย์เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับสังคม ในการนำศักยภาพของแต่ละฝ่ายมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในการให้บริการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) และคลินิกเฉพาะทางเคลื่อนที่ทางรถไฟ
สำหรับกิจกรรม Doctor Train ที่จังหวัดลำปาง ถือเป็นการจัดขึ้นในครั้งที่ 2 หลังจากประสบความสำเร็จจากการนำร่องครั้งแรกที่จังหวัดชุมพร เมื่อวันที่ 17-18 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา โดยการรถไฟฯ และ สจล.ได้นำทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาเฉพาะทางจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และโรงพยาบาลบุรฉัตรไชยากร มาให้บริการตรวจสุขภาพและคัดกรองโรค อาทิ การตรวจโรคหัวใจ คลื่นไฟฟ้าหัวใจ EKG ตรวจอัลตราซาวนด์หัวใจ (ECHO) ตรวจคัดกรองจอประสาทตา โรคอายุรกรรม ตรวจสุขภาพทั่วไป อาทิ โรคปอด หอบ หืด นอนกรน รวมถึงให้คำปรึกษาปัญหาสุขภาพฟรี แก่ประชาชน เจ้าหน้าที่ ลูกจ้างการรถไฟฯ และครอบครัว ในจังหวัดลำปาง และพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งมีผู้เข้าร่วมใช้บริการตรวจสุขภาพมากกว่า 622 คน
นอกจากนี้ ภายหลังจากเข้ารับบริการหากพบตรวจโรค คณะแพทย์จะส่งต่อผู้ป่วยไปโรงพยาบาลที่มีความร่วมมือเพื่อทำการรักษาต่อทันที อีกทั้งยังมีระบบการติดตามอาการ ซึ่งจะมีการพัฒนา chatbot เพื่อเฝ้าติดตามอาการผ่านทางทีมแพทย์ที่มีความชำนาญอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลังจากนี้ การรถไฟฯ และ สจล. มีแผนจะออกให้บริการหน่วยแพทย์เคลื่อนไปยังภูมิภาคอื่นต่อไปอีกด้วย
ทั้งนี้ การรถไฟฯ ขอส่งมอบความห่วงใย และมุ่งหวังที่จะร่วมส่งเสริมการดูแลสุขภาพที่ดีแก่ประชาชน พนักงาน ลูกจ้างการรถไฟฯ และครอบครัว เพื่อให้ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงการรักษา ดูแลสุขภาพอนามัยที่ดีได้อย่างทัดเทียมกัน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นได้อย่างยั่งยืน