น.ส.โชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (SEOM Retreat) ระหว่างวันที่ 6-7 ธันวาคม ที่ผ่านมา ณ สำนักเลขาธิการอาเซียน กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ถือเป็นการประชุมครั้งแรกของเสาเศรษฐกิจในวาระประธานอาเซียนของอินโดนีเซียในปีหน้า (2566) ซึ่งได้มุ่งเน้นเรื่องแผนการทำงานของอาเซียน เร่งรัดติดตามผลการดำเนินการประเด็นเศรษฐกิจของปีที่ผ่านมา และการวางแผนการเจรจาความตกลงการค้าเสรีของอาเซียน
การประชุมครั้งนี้ อินโดนีเซียในฐานะประธานอาเซียน ได้เปิดตัวแนวคิดหลักขับเคลื่อนอาเซียนปี 2566 ภายใต้แนวคิด "ASEAN Matters: Epicentrum of Growth" ซึ่งประกอบด้วย ยุทธศาสตร์หลักในเสาเศรษฐกิจ 3 ด้าน คือ 1. การส่งเสริมการฟื้นฟูเศรษฐกิจผ่านตลาดที่เชื่อมโยงและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน 2. การเร่งเปลี่ยนผ่านและการมีส่วนร่วมในเศรษฐกิจดิจิทัลที่ครอบคลุมทุกภาคส่วน และ 3. การส่งเสริมการเติบโตที่ยั่งยืน เพื่ออนาคตพร้อมรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ
น.ส.โชติมา กล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจ อยู่ระหว่างพิจารณาประเด็นสำคัญที่จะผลักดัน 7 เรื่อง อาทิ การจัดทำกรอบการอำนวยความสะดวกด้านบริการของอาเซียน การใช้หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าของอาเซียนในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Form D) อย่างเต็มรูปแบบในระบบศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวของอาเซียน และการจัดทำแนวทางการปรับประสานและยกระดับมาตรฐานสินค้าของอาเซียนให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ ซึ่งผู้ประกอบการจะได้ประโยชน์จากการค้าที่สะดวกขึ้น กฎระเบียบและมาตรฐานที่สอดคล้องกันมากขึ้น และต้นทุนทางธุรกิจลดลงจากการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในภูมิภาค
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หารือถึงแผนงานการเจรจา FTA ของอาเซียน และอาเซียนกับคู่เจรจา โดยจะให้ความสำคัญกับการเจรจายกระดับความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน, อาเซียน-จีน, อาเซียน-ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์, อาเซียน-อินเดีย และอาเซียน-แคนาดา หารือแนวทางการดำเนินการของเสาเศรษฐกิจในการรับติมอร์-เลสเตเข้าเป็นสมาชิกอาเซียน และการให้ความช่วยเหลือด้านการเสริมสร้างขีดความสามารถแก่ติมอร์-เลสเต
รวมทั้งหารือแนวทางขยายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับประเทศคู่ค้านอกภูมิภาค เพื่อกำหนดวัตถุประสงค์ เป้าหมาย และประโยชน์ที่อาเซียนจะได้รับจากคู่เจรจาให้ชัดเจนมากขึ้น ส่วนไทย เน้นย้ำความสำคัญของการขยายความสัมพันธ์ที่ส่งเสริมการขับเคลื่อนอาเซียนเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานโลก การสนับสนุนการขยายตัวของการค้าในภูมิภาค และการเพิ่มขีดความสามารถของอาเซียนในการปรับตัวรองรับความท้าทายต่างๆ ของโลก
ทั้งนี้ ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ต.ค. 2565) การค้าระหว่างไทยกับอาเซียน มีมูลค่า 106,320 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 17.39% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยไทยส่งออกไปอาเซียน มูลค่า 61,474 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไทยนำเข้าจากอาเซียน มูลค่า 44,845 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลาดส่งออกและแหล่งนำเข้าสำคัญ ได้แก่ มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์