กกพ.เดินหน้าจับสลากโซลาร์ฟาร์ม เน้น “โปร่งใส ตรวจสอบได้” ต่อหน้าสักขีพยาน จากผู้ผ่านคุณสมบัติรอบแรก จำนวน 636 ราย เพื่อคัดเลือกเป็นเจ้าของโครงการในการยื่นขายไฟฟ้า เตรียมประกาศผล ไม่เป็นทางการวันนี้
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน ในฐานะโฆษก กกพ. แถลงความพร้อมว่า กกพ. ได้จัดให้มีพิธีการจับสลากเพื่อคัดเลือกเจ้าของโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน สำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร หรือ “โซลาร์ฟาร์ม” โดยมีผู้ที่ผ่านคุณสมบัติเข้าร่วมการจับสลากทั้งสิ้น 636 ราย หรือคิดเป็นปริมาณการเสนอขายไฟฟ้ารวมทุกพื้นที่ รวม 3,104.34 เมกะวัตต์ โดยจะปิดประกาศผลเบื้องต้นอย่างไม่เป็นทางการได้ในวันเดียว ณ สถานที่จับสลาก
ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินการเกิดความโปร่งใสในทุกขั้นตอน นอกจากจะกำหนดให้การจับสลาก เป็นไปอย่างเปิดเผยต่อหน้าผู้เข้าร่วมโครงการแล้ว กกพ. ยังได้กำหนดให้ทุกกระบวนการจะต้องกระทำต่อหน้ากรรมการสักขีพยาน โดยมาจากหน่วยงานภายนอกที่ครอบคลุมทุกภาคส่วน ประกอบด้วย ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด ผู้แทนกระทรวงพลังงาน ผู้แทนส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐอื่น ผู้แทนสื่อมวลชน ผู้แทนสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และผู้แทนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เข้าร่วมเป็นสักขีพยาน
“เราคาดว่าจะสามารถประกาศผลอย่างไม่เป็นทางการในวันนี้ ทั้งผลจับสลากอันดับของหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตรที่ยื่นคำขอเป็นเจ้าของโครงการในแต่ละเป้าหมายการจัดหาตามพื้นที่ที่ได้ลงประกาศไว้ ซึ่งหน่วยงานราชการ ไม่เกิน 100 เมกะวัตต์ สหกรณ์ภาคการเกษตร ไม่เกิน 119 เมกะวัตต์ รวมทุกเขตพื้นที่ไม่เกิน 219 เมกะวัตต์ และการประมวลผลการจัดอันดับของผู้ที่มีสิทธิได้รับการคัดเลือกผ่านเข้าสู่ขั้นตอนการดำเนินการหาผู้ร่วมลงทุนโครงการของหน่วยงานราชการ หรือผู้สนับสนุนโครงการของสหกรณ์ภาคการเกษตร เพื่อมายื่นคำร้องและข้อเสนอขอขายไฟฟ้าในขั้นตอนที่สองต่อไป” นายวีระพล กล่าว
โฆษก กกพ. กล่าวย้ำว่า ลำดับของสลากที่ได้ในวันนี้ กกพ. จะนำไปประมวลผล โดยพิจารณาจากเงื่อนไขศักยภาพของระบบไฟฟ้าตามลำดับเป็นสำคัญ ได้แก่ (1) ไม่เกินศักยภาพของ Feeder (2) ไม่เกินศักยภาพของหม้อแปลง และ (3) ไม่เกินศักยภาพของระบบส่งไฟฟ้า โดย กกพ. จะประกาศผลอย่างเป็นทางการได้ในวันที่ 28 มิถุนายน 2560 ซึ่งจะปิดประกาศที่สำนักงาน กกพ. และทางเว็บไซต์ www.erc.or.th หลังจากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนของการยื่นคำร้องและข้อเสนอขอขายไฟฟ้า ซึ่งจะต้องผ่านการตรวจรายละเอียดคุณสมบัติของผู้ร่วมลงทุนโครงการและผู้สนับสนุนโครงการ ในความพร้อมการดำเนินโครงการด้านต่างๆ ได้แก่ ที่ดินที่ใช้เป็นที่ตั้งโครงการ ความพร้อมทางการเงินที่ใช้เป็นทุนดำเนินโครงการ รวมถึงเทคโนโลยีที่ใช้และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ผู้ลงทุนจะต้องจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (SCOD) ภายใน 30 ธันวาคม 2561