โรงงาน ENVICCO ในกลุ่ม บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด(มหาชน) หรือ GC คาดปี 2566 รายได้ผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิลพุ่งหลักพันล้าน หาก อย. ให้ใบอนุญาตรองรับความปลอดภัยใช้งานขึ้นรูปบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม ภายในไตรมาสแรกปี 2566 แนะรัฐออกนโยบายกระตุ้นการใช้เม็ดพลาสติกรีไซเคิลเพิ่ม ช่วยขยายเครือข่ายชุมชนคัดแยกขยะทั่วประเทศ เสริมรายได้ รักษาสิ่งแวดล้อม
นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัท ENVICCOอยู่ระหว่างรอการอนุมัติใบอนุญาตจากองค์การอาหารและยา(อย.) สำหรับรองรับมาตรฐานความปลอดภัยการใช้เม็ดพลาสติกรีไซเคิลชนิด rPET และ rHDPE เพื่อขึ้นรูปบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม โดยคาดว่าจะได้รับการอนุมัติช่วงไตรมาส 1 ของปี 2566 ซึ่งจะช่วยให้บริษัทฯสามารถใช้กำลังการผลิตได้เพิ่มขึ้นเป็น 60-80% จากปัจจุบันที่ใช้กำลังการผลิตได้ 40% และส่งผลให้เกิดความคุ้มค่าในการลงทุนเพิ่มขึ้น
“โรงงานพลาสติกรีไซเคิลปี 2566 จะทำให้ครบวงจรมากขึ้น ให้ชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วมสร้างนิสัยคัดแยกขยะ เพื่อช่วยเหลือเรื่องของสิ่งแวดล้อมและยังช่วยสร้างเศรษฐกิจระดับชุมชน ซึ่งจะเป็นการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน”
นายณัฐนันท์ ศิริรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นวิคโค จำกัด ยอมรับว่า พลาสติกรีไซเคิลจะมีต้นทุนสูงกว่าพลาสติกทั่วไป 20-30% แต่ลูกค้าน่าจะบริหารจัดการต้นทุนโดยการจัดสรรงบประมาณและงบด้านกิจการเพื่อสังคม (CSR) มาร่วมในการผลิต เพราะหากเทียบกับการที่ผู้ประกอบการโดนตั้งกำแพงภาษีจากยุโรปที่กำหนดให้ผู้ส่งออกสินค้าไปยุโรปต้องใช้พลาสติกรีไซเคิลเป็นส่วนผสมเพื่อลดภาวะโลกร้อน ซึ่งจะมีอัตราเสียภาษีประมาณ 800 ยูโรต่อตัน ที่จะบังคับใช้ปี 2566 ดังนั้นการใช้พลาสติกรีไซเคิลจะคุ้มค่ากว่าการถูกเรียกเก็บภาษี
อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ได้เจรจาหาลูกค้ารองรับการใช้พลาสติกรีไซเคิลเพิ่มขึ้นกว่า 10 รายแล้ว เพื่อรองรับกำลังการผลิตพลาสติกรีไซเคิลที่จะเพิ่มขึ้นในปี 2566 หลังจากได้รับมาตรฐานความปลอดภัยจาก อย.
“ปัจจุบันโรงงานนี้มีการผลิตเพื่อส่งออกเป็นส่วนใหญ่ประมาณ 70% และจำหน่ายให้กับผู้ประกอบการในประเทศประมาณ 30% มีรายได้หลักร้อยล้านบาท คาดว่าเมื่อได้ อย.แล้ว ปีหน้าจะส่งผลให้รายได้เติบโตขึ้นทะลุพันล้านบาท จากการเพิ่มกำลังการผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิล ประกอบกับมาตรการของยุโรปที่เตรียมตั้งกำแพงภาษีให้ผู้ส่งออกสินค้าจะต้องมีส่วนผสมของพลาสติกรีไซเคิลเป็นส่วนผสม เพื่อลดภาวะโลกร้อน”
อย่างไรก็ตามการส่งเสริมใช้พลาสติกรีไซเคิลในประเทศไทยให้หลากหลายมากขึ้น ภาครัฐควรออกมาตรการทางด้านภาษีเพื่อส่งเสริมการใช้พลาสติกรีไซเคิลเป็นส่วนผสมในบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มและอาหารโดยกำหนดรูปแบบที่เหมาะสม และจูงใจการคัดแยกขยะรีไซเคิลให้มีมาตรฐาน รวมถึงการให้ความรู้แยกขยะอย่างถูกต้องเพื่อสร้างรากฐานที่ยั่งยืนในประเทศ
ทั้งนี้ ENVICCO ดำเนินการภายใต้ บริษัท เอ็นวิคโค จำกัด (ENVICCO Limited) ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่าง GC และ ALPLA ผู้นำระดับโลกในธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก และพลาสติกรีไซเคิล โดยทั้ง 2 บริษัท มีความตั้งใจร่วมกันที่จะรักษาคุณค่าของพลาสติกไว้ให้มากที่สุด โดยการดำเนินการของ ENVICCO จะช่วยลดขยะพลาสติกในประเทศไทย ได้ถึง 60,000 ตันต่อปี ลดก๊าซเรือนกระจกได้ 75,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า เทียบเท่าการปลูกป่าประมาณ 78,000 ไร่ หรือ ปลูกต้นไม้ใหญ่กว่า 8.32 ล้านต้น
โดยโรงงานมีกำลังการผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิลสูงถึง 45,000 ตันต่อปี แบ่งเป็นเม็ดพลาสติก ชนิด rPET จำนวน 30,000 ตันต่อปี และ เม็ดพลาสติก ชนิด rHDPE จำนวน 15,000 ตันต่อปี โดยใช้วัตถุดิบทั้งหมด 100% เป็นพลาสติกใช้แล้วในประเทศ ผ่านเทคโนโลยีการผลิตที่ล้ำสมัย เพื่อคืนคุณค่าให้กับพลาสติกใช้แล้วให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีมูลค่าอีกครั้ง โดยมีคุณสมบัติเทียบเท่าพลาสติกใหม่
โรงงานนี้ถือเป็นหนึ่งในแผนกลยุทธ์ระยะยาวของบริษัทฯ ด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน ที่จะทำให้ห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ครบสมบูรณ์ และยังช่วยให้เกิดการสร้างงานในชุมชน ตอบโจทย์ BCG Model(Bio-Circular-Green Economy Model) ของประเทศไทยอีกด้วย