จากกรณีนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊คตั้งข้อสังเกตในการเจรจาของคณะกรรมการร่วมฯ ไทย-จีน เพื่อร่วมลงทุนรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-โคราช นั้น นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กระทรวงคมนาคม ชี้แจงว่า การพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพฯ –หนองคาย ภายใต้ความร่วมมือพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นการเชื่อมต่อ (Connectivity) เส้นทางการคมนาคมขนส่งระหว่างประเทศไทย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสาธารณรัฐประชาชนจีน ก่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้ ซึ่งสอดรับกับนโยบาย One belt One Road ของสาธารณรัฐประชาชนจีน
ตลอดระยะเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมาคณะกรรมการบริหารการพัฒนาโครงการความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ได้ประชุมร่วมกันอย่างต่อเนื่อง 18 ครั้ง ซึ่งประเด็นการร่วมลงทุนพัฒนาโครงการรถไฟความเร็วสูงฯ ดังกล่าว ได้มีการหารือมาอย่างต่อเนื่อง จากเดิมฝ่ายจีนได้ตกลงที่จะร่วมลงทุนกับฝ่ายไทยและจัดตั้งบริษัทร่วมลงทุน (SPV) ในส่วนการเดินรถและการซ่อมบำรุง ต่อมาภายหลัง ฝ่ายไทยได้เสนอให้ฝ่ายจีนร่วมลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านงานโยธาเพิ่มขึ้น แต่ท้ายที่สุดในการประชุมหารือทวิภาคีระหว่างนายกรัฐมนตรีไทยกับนายกรัฐมนตรีจีน เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2559 ได้ข้อยุติในหลักการว่าไทยจะเป็นผู้ลงทุนในโครงการเองทั้งหมด รวมทั้งเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินงานจากรถไฟความเร็วปานกลางเป็นระบบรถไฟความเร็วสูงความเร็ว 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยเส้นทางช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา จะดำเนินการก่อนเป็นลำดับแรก จากนั้นจะต่อขยายเส้นทางจากนครราชสีมา จนถึงหนองคาย เพื่อเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และจีน
นายชัยวัฒน์ ชี้แจงเพิ่มเติมว่า จากผลการหารือทวิภาคีดังกล่าวซึ่งได้ข้อยุติว่าฝ่ายไทยจะเป็นผู้ลงทุนโครงการเองทั้งหมด โดยรัฐบาลจีนจะยังคงให้ความร่วมมือในแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล(GtoG) ในการพัฒนารถไฟความเร็วสูงในช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา และช่วงนครราชสีมา-หนองคาย ต่อไป โดยฝ่ายไทยจะว่าจ้างฝ่ายจีนให้เป็นผู้ออกแบบ, ควบคุมการก่อสร้าง เพื่อให้เป็นไปตามแบบ และติดตั้งระบบรถไฟความเร็วสูง รวมทั้งถ่ายทอดเทคโนโลยีและฝึกอบรมให้แก่บุคคลากรฝ่ายไทยด้วย