ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
อปท.นิวส์โพล ย้อนกลับ
ปีเถาะ – กะเทาะใจคนไทย 2566
28 ธ.ค. 2565

ย่างสู่ปีเถาะ 2566 อปท.นิวส์โพลกะเทาะใจคนไทย  พบมองการเมืองติดลบเพราะเอาแต่แย่งชิงอำนาจไม่ทำงานเพื่อประชาชน  อยากให้รีบยุบสภาเลือกตั้งใหม่ได้นายกรัฐมนตรีที่เป็นส.ส.มีฝีมือกอบกู้เศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว  ส่วนใหญ่เชื่อโควิด-19 หมดฤทธิ์เพราะเป็นโรคประจำถิ่นแล้ว

          นายชัยวัฒน์ วนิชวัฒนะ  ผู้อำนวยการ อปท.นิวส์โพล  และ รศ.ดร.ธนสุวิทย์ ทับหิรัญรักษ์ ที่ปรึกษา

ด้านวิชาการ ร่วมแถลงผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนระหว่างวันที่ 17-24 ธันวาคม2565 ภายใต้หัวข้อ  ปีเถาะ- กะเทาะใจคนไทย 2566 ”โดยได้ออกแบบสอบถามความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่างทั้งระบบออนไลน์และออฟไลน์พร้อมลงสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ตอบแบบสอบถามในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลจำนวน 1,524รายจากพื้นที่6 กลุ่มเขตกรุงเทพมหานครได้แก่ กลุ่มเขตกรุงธนเหนือ กลุ่มเขตกรุงเทพมหานครกลาง กลุ่มเขตกรุงธนใต้ กลุ่มเขตกรุงเทพตะวันออก กลุ่มเขตกรุงเทพใต้ และ กลุ่มเขตกรุงเทพเหนือ

ผลการสำรวจด้านพื้นฐานทั่วไปพบว่ากลุ่มตัวอย่างเป็นเพศชายให้ข้อมูลมากที่สุดร้อยละ 51.8รองลงมาเป็นเพศหญิงจำนวนร้อยละ 48.2กลุ่มตัวอย่างที่มีอายุอยู่ระหว่าง 18-25 ปี มีจำนวนร้อยละ 17.9รองลงมามีอายุ 26-30ปี มีจำนวนร้อยละ15.9อายุ 31-35 ปี มีจำนวนร้อยละ11.9 อายุ 41-45 ปี มีจำนวนร้อยละ 10.8  ส่วนกลุ่มอายุ 36-40 ปี และ 46-50 ปีมีจำนวนเท่ากันร้อยละ 9.3ตามลำดับ

ทางด้านการศึกษาจะพบว่ากลุ่มตัวอย่างมีจำนวนถึงร้อยละ34.7ที่มีการศึกษาระดับปริญญาตรี รองลงมาจำนวนร้อยละ19.4เป็นกลุ่มที่มีการศึกษาระดับมัธยมศึกษาและจำนวนร้อยละ 15.9ระดับปวช.และอนุปริญญา  ร้อยละ 13.2 ระดับ ปวส.  ร้อยละ 9.1 การศึกษาระดับประถมศึกษา  และร้อยละ 7.8จบการศึกษาระดับปริญญาโทขึ้นไป

ส่วนทางด้านอาชีพของกลุ่มตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถาม จะพบว่า เป็นกลุ่มรับจ้างที่มีจำนวนร้อยละ24.9รองลงมาคือกลุ่มนักศึกษาจำนวนร้อยละ19.7กลุ่มอาชีพอิสระ มีจำนวนร้อยละ16.1กลุ่มเจ้าของธุรกิจมีจำนวนร้อยละ 14 กลุ่มรับราชการมีจำนวนร้อยละ 9.7 กลุ่มเกษตรมีจำนวนร้อยละ6.2 ตามลำดับ

เมื่อถามทางด้านรายได้ ร้อยละ 34.4มีรายได้อยู่ระหว่าง10,001-20,000บาทต่อเดือนตอบแบบสอบถามมากที่สุด รองลงมาร้อยละ 19.2 เท่ากันคือกลุ่มตัวอย่างทีมีรายได้อยู่ระหว่าง 5,001-10,000บาทและ20,001 – 30,000บาทต่อเดือนและร้อยละ 16.3 ของกลุ่มตัวอย่างมีรายได้ไม่เกิน5,000บาทต่อเดือนตามลำดับ

สำหรับการสอบถามความคิดเห็นทางด้านการเมืองว่า “รู้สึกอย่างไรกับการเมืองไทยในรอบปี 2565” ส่วนใหญ่ร้อยละ40.2มองว่ามีการแสวงหาอำนาจแย่งชิงผลประโยชน์เป็นหลัก  รองลงมาร้อยละ 17.9 ตอบว่านักการเมืองในสภาไม่มุ่งมั่นทำงานเพื่อประชาชนส่วนความแตกแยกยังไม่ปรองดองผู้สอบถามตอบมีจำนวนถึงร้อยละ16.6 และ พายเรือในอ่าง (วนอยู่กับเรื่องเดิมๆ ไม่พัฒนา) มีจำนวนร้อยละ15.4   อย่างไรก็ตามมีผู้ตอบว่ามีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ร้อยละ9.6

                เมื่อถามว่า “รัฐบาลชุดปัจจุบันควรให้อะไรเป็นของขวัญปีใหม่แก่ประชาชนในทางการเมือง” กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 41.1 ตอบว่าขอให้ยุบสภาทันทีและจัดการเลือกตั้งใหม่ รองลงมาร้อยละ 30.7 ตอบว่าไม่คาดหวังรัฐบาล ร้อยละ 11.2 ตอบว่าต้องการให้รัฐบาลปรับครม.เอาคนที่มีความสามารถเข้ามาทำงานในเวลาที่เหลือร้อยละ 10.7 ตอบว่าอยากให้รัฐบาลสั่งข้าราชการให้ทำงานเต็ม 100แต่ยังมีร้อยละ 6.3 ที่อยากให้รัฐบาลอยู่ให้ครบวาระจนถึงเดือนมีนาคม 2566

ถามต่อไปว่า “นายกรัฐมนตรีคนต่อไปควรมีคุณสมบัติข้อใดมากที่สุด”กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่จำนวนร้อยละ 43.4  ตอบว่าเป็น ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้ง  รองลงมาร้อยละ 33.7  ตอบว่าเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถทางเศรษฐกิจ  ถัดมาร้อยละ  10.6 ตอบว่าเป็นคนดีไม่โกงกินร้อยละ 6  ตอบว่าเป็นใครก็ได้ที่มาจากเสียงส่วนใหญ่ของสภา สุดท้ายร้อยละ5.6ต้องเป็นคนที่ไม่สร้างความแตกแยกทางการเมือง

ถามถึงรัฐบาลชุดใหม่คิดว่าจะมีหน้าตาอย่างไรกลุ่มตัวอย่างจำนวนร้อยละ 44.7ตอบว่าคงเป็นรัฐบาลผสมไม่เกิน 3 พรรค รองลงมาร้อยละ 28.9ตอบว่าจะมาจากพรรคการเมืองใหญ่พรรคเดียว ร้อยละ14.8ตอบว่าคงเป็นรัฐบาลผสมมากกว่า 3 พรรค และร้อยละ 11.6 ตอบว่าคงเป็นรัฐบาลผสมมากกว่า 3 พรรคและมีคนนอกเข้าร่วม

ข้อสุดท้ายในหมวดการเมืองถามว่า “รัฐบาลใหม่ควรทำเรื่องใดเป็นอันดับแรก” กลุ่มตัวอย่างจำนวนร้อยละ 39.3  ตอบว่าควรแก้ปัญหาค่าครองชีพและลดราคาสินค้า รองลงมาร้อยละ 19.6ตอบว่าควรปราบคอรัปชั่นในวงการราชการ  ถัดมาร้อยละ 10.9  ตอบว่าควรเร่งสร้างงาน ปรับเพิ่มค่าจ้าง ร้อยละ 10.6 ตอบว่าควรกวาดล้างยาเสพติดที่แพร่ระบาด  และร้อยละ 5.5 เห็นว่าควรผ่าตัดระบบการศึกษาที่ล้าสมัย

       

        ในหมวดเศรษฐกิจเริ่มจากคำถามว่า“รู้สึกอย่างไรกับสภาพเศรษฐกิจในรอบปี 2565”กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่จำนวนร้อยละ 61.3  ตอบว่ารู้สึกว่าแย่ รองลงมาร้อยละ 24.7 ตอบว่ารู้สึกว่าสภาพเศรษฐกิจขึ้นๆลงๆ  แต่มีผู้ตอบจำนวนร้อยละ 7.2 ตอบว่าสภาพเศรษฐกิจรู้สึกว่าดีกว่าปี 2564  สุดท้ายร้อยละ 6.8 ตอบว่ารู้สึกว่าปกติ

ถามต่อไปว่า“คิดว่าโรคโควิด-19 จะส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจในปี 2566 อย่างไรหรือไม่”กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 57 เห็นว่าไม่มีผลเพราะโควิด-19 กลายเป็นโรคประจำถิ่นแล้ว รองลงมาร้อยละ 54.5ตอบว่าจะยังระบาดแต่ไม่รุนแรงอาจมีผลทางเศรษฐกิจบ้างร้อยละ35.3 ตอบว่าน่าจะมีวัคซีนใหม่ที่หยุดยั้งโควิด-19ได้ อย่างไรก็ตามร้อยละ 29.8ตอบว่า ยังไม่มีความแน่นอนและผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนร้อยละ 21.2 เชื่อว่าโรคโควิด-19จะกลับมาระบาดรุนแรงส่งผลกระทบมาก

          ต่อคำถามที่ว่า “คิดว่าเศรษฐกิจไทยปี 2566 จะเป็นอย่างไร”กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เห็นร้อยละ51.8ตอบว่าคิดว่าดีขึ้นเพราะจะมีรัฐบาลชุดใหม่ รองลงมาร้อยละ 47.1 ตอบว่า ดีขึ้นเพราะเศรษฐกิจทั่วโลกเริ่มฟื้นตัว ร้อยละ 44.2ตอบว่า ดีขึ้นแน่เพราะนักท่องเที่ยวต่างประเทศเริ่มกลับมาแล้ว ร้อยละ36.5ตอบว่าอาจจะแย่ลงได้หากได้รัฐบาลใหม่ที่ไร้ประสิทธิภาพร้อยละ 31.7ตอบว่ายังไม่แน่นอนเพราะเศรษฐกิจโลกอาจผันผวน  และร้อยละ 21.3 ตอบว่าเศรษฐกิจไทยปีหน้าน่าจะทรงตัวเหมือนปี 2565

         

          สุดท้ายเมื่อถามว่า “รัฐบาลควรใช้นโยบายใดเพื่อช่วยลดค่าครองชีพของประชาชนในปี2566”กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ80.1ตอบว่าอยากให้รัฐบาลลดราคาน้ำมัน รองลงร้อยละ 79.9  อยากให้รัฐบาลลดค่าไฟฟ้า ร้อยละ 72.5  อยากให้รัฐบาลลดภาษี ร้อยละ 43.7 อยากให้รัฐบาลลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าร้อยละ 39 อยากให้รัฐบาลลดราคาก๊าซหุงต้ม นอกจากนั้นยังอยากให้รัฐบาลลดค่าเล่าเรียน ลดราคาเนื้อสัตว์ เพิ่มเงินดูแลคนชรา ฯลฯ

 

 

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...