ที่พรรคประชาธิปัตย์นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายนิพนธ์ บุญญามณี ผู้อำนวยเตรียมการเลือกตั้งของพรรค พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารพรรคได้ร่วมกันแถลงเปิดตัว 8 นโยบายสำคัญชุดแรก
โดยนายจุรินทร์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้แสดงความพร้อมมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเตรียมการด้านตัวบุคคลที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง หรือในส่วนของนโยบาย ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้มีการเปิดยุทธศาสตร์หลัก ที่หากประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนจัดตั้งรัฐบาลก็จะเป็นยุทธศาสตร์หลักที่จะพาประเทศไปสู่อนาคตที่สดใสต่อไป โดยยุทธศาสตร์นั้นก็คือ ยุทธศาสตร์ “สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ”
1.สร้างเงิน ก็คือยุทธศาสตร์ทางด้านเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นหลายนโยบายโดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายประกันรายได้คนไทยและประกันรายได้ให้กับประเทศ
2.สร้างคน ก็คือยุทธศาสตร์ทางด้านสังคม ซึ่งจะมุ่งเน้นในเรื่องของการศึกษา และการสาธารณสุข รวมทั้งการเน้นการศึกษาทันสมัย และสวัสดิการตลอดชีพ
3.สร้างชาติ จะเป็นการสร้างชาติด้วยนโยบายสำคัญทางด้านการเมือง ที่จะมุ่งเน้นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และประชาธิปไตยสุจริต
ส่วนวันนี้จะเป็นการเปิดตัว 8 นโยบายหลักทางด้านการเกษตรและเป็นนโยบายหลักในการพัฒนาหมู่บ้าน ชุมชนที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งรวมไปถึงชุมชนในกรุงเทพมหานครด้วย เหตุที่ประชาธิปัตย์เล็งเห็นว่านโยบายที่เกี่ยวข้องกับชุมชน และหมู่บ้านนั้น เป็นนโยบายสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้กับประเทศต่อไป และจะนำไปสู่การพัฒนาท้องถิ่น พัฒนาชนบทต่อไปในอนาคต
โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายทางด้านการเกษตร ซึ่งเกษตรกรรมถือเป็นดีเอ็นเอของประเทศไทย และเกษตรกรรมถือเป็นพื้นฐานเศรษฐกิจฐานรากที่สำคัญของประเทศต่อไป เพราะอย่างน้อยที่สุดก็มีประชากรจำนวนไม่ต่ำกว่า 50% ของคนไทยทั้งประเทศที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้เปิดเผยว่า วันนี้เป็นวันที่ทุกคนรอคอยว่าประชาธิปัตย์โดยเริ่มแถลงนโยบายเบื้องต้นในการที่จะสร้างฐานรากของสังคมไทย ซึ่งถือว่าเป็นส่วนสำคัญใน “การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนที่เป็นรูปธรรม ไม่ใช่ต้องการเพียงแค่คะแนนเสียงเพียงอย่างเดียว” แต่เราต้องการเห็นประเทศเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง
นโยบายที่ 1“การประกันรายได้จ่ายเงินส่วนต่าง” ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์ม และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นนโยบายต่อเนื่องจากความสำเร็จ”ทำได้ไว ทำได้จริงในการขับเคลื่อนนโยบายประกันรายได้เกษตรกรของพรรคประชาธิปัตย์
นโยบายที่ 2 “ชาวนารับ 30,000 บาท ต่อ 1 ครัวเรือน” สำหรับพี่น้องเกษตรกรที่ปลูกข้าว ซึ่งมีอยู่ประมาณ 4.7 -4.8 ล้านครัวเรือนฟ
“ยืนยันได้ว่า วันนี้ประชาธิปัตย์ทำนโยบายตรงนี้เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับพี่น้องเกษตรกรชาวนาให้มีความสามารถในการพัฒนาตัวเองมากกว่าที่จะให้เงินไปเพื่อให้เขาไปเลือกเรา”
นโยบายที่ 3 “ธนาคารหมู่บ้าน และชุมชน แห่งละ 2 ล้านบาททั้งประเทศ”
นโยบายที่ 4 สนับสนุนองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่น 100,000 บาทต่อปี ทั้ง 2,800 กว่ากลุ่ม ซึ่งเป็นกลุ่มประมงฐานรากของประเทศ
“ผมเรียนฝากไปถึงพี่น้องเกษตรกร ประมงว่า ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลเมื่อไหร่ ท่านได้รับทันที ทั้ง 2,800 กลุ่ม วันนี้เราสามารถจัดสรรงบประมาณ ผมเป็นรัฐมนตรีเกษตรฯ.ขอได้ปีละ 200 กลุ่ม ซึ่งผมคิดว่าไม่เพียงพอจะพัฒนาศักยภาพ
นโยบายที่ 5 “ปลดล็อค ประมงพาณิชย์ ภายใต้ IUU” สำหรับในส่วนของประมงพาณิชย์นั้น วันนี้พี่น้องชาวประมงร้องเรียนว่ามีความเดือดร้อน ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ได้ยื่นแก้ไขกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม แต่การปลดล็อคตรงนี้ต้องอยู่ภายใต้ IUU เพราะเรายังต้องอยู่กับสากลอยู่กับนานาประเทศ
นโยบายที่ 6 “ออกโฉนดที่ดิน1ล้านแปลงภายใน 4 ปี”
การแก้ปัญหาของพี่น้องที่ไม่มีที่ดินทำกินหรืออยู่ในที่รกร้างว่างเปล่า
นโยบายที่ 7 “ออกกรรมสิทธิ์ทำกินในที่ดินรัฐ”
ประชาชนและเกษตรกรที่ทำกินอยู่ในพื้นที่ที่ยังเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐจะได้กรรมสิทธิ์ทำกินในที่ดินรัฐ
นโยบายที่ 8 “ฟรีนมโรงเรียน 365 วัน”
เป็นการพัฒนาเด็ก พัฒนาบุคลากรที่ประเทศชาติต้องใช้ในวันข้างหน้า และที่สำคัญที่สุดก็คือการที่จะให้เกษตรกรที่เลี้ยงโคนมนั้นสามารถจำหน่ายผลิตภัณฑ์โคนมให้กับเด็กไทยจากเดิมปีละ280 วัน
“ความเข้มแข็งของประเทศ ต้องเกิดจากความเข้มแข็งของฐานราก เราแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน
นโยบายทั้งหมดในวันนี้จึงเป็นนโยบายส่วนหนึ่งที่เราเอามาเปิดให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบว่าประชาธิปัตย์จะทำอะไรให้ท่านบ้างในการเลือกตั้งครั้งหน้า.” เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กล่าวในที่สุด.