ประมูลดาวเทียมจบแล้ว สุดเหงา!!! เอกชน เคาะครั้งเดียวตามกติกาเพื่อรับราคา เข็นประมูล 5 ชุด ขายออก 3 ชุด ที่เหลือไม่มีใครเอา จบที่ทำเงินเข้ารัฐ 806 ล้านบาท รวมใช้เวลาตัดสินใจในห้องประมูลเพียงครึ่งชม.
วันนี้ 15 ม.ค. 2566 สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เดินหน้าประมูลสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมในลักษณะจัดชุด (package) เวลา 10.00 น.
โดยมีผู้เข้าร่วมการคัดเลือก จำนวน 3 ราย ได้แก่ บริษัท สเปซ เทค อินโนเวชั่น จำกัด บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท พร้อม เทคนิคคอล เซอร์วิสเซส จำกัด
โดย นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกสทช.กล่าวเปิดงานการประมูล พร้อมด้วยคณะกรรมการ (บอร์ด) กสทช. อีก 4 คน ได้แก่ นายศุภัช ศุภชลาศัย พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร พล.อ.ท.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ และ นางสาวพิรงรอง รามสูต ส่วนนายต่อพงศ์ เสลานนท์ ไม่ได้เข้าร่วมโดยแจ้งว่าป่วย
สำหรับการประมูลครั้งนี้ ใช้วิธี Sequential Ascending Clock Auction กล่าวคือ ผู้เข้าร่วมประมูลจะต้องตัดสินใจตามระยะเวลาที่กำหนดในแต่ละรอบ (20 นาที) ด้วยการเคาะซึ่งจะทำให้ราคาสูงขึ้นครั้งละ 5% ของราคาขั้นต่ำ ผู้ชนะ คือ ผู้ให้ราคาสุดท้ายสูงสุด
อย่างไรก็ตามผู้เข้าร่วมประมูลจะไม่ทราบว่าผู้ร่วมแข่งขันรายใดต้องการสิทธิวงโคจรชุดใดและมีความต้องการกี่ชุด รวมทั้งลำดับชุดในการการประมูลนั้นกสทช.จะกำหนดลำดับด้วยการจับสลาก
โดยผลปรากฎว่า ประมูลชุดที่ 4 , 3 , 5 , 2 และ 1 เป็นชุดสุดท้าย เพื่อป้องกันการสมยอมกันระหว่างผู้เข้าร่วมประมูล ซึ่งการประมูลในลักษณะนี้จะทำให้เกิดการแข่งขันที่โปร่งใสและเป็นธรรมมากที่สุด รวมทั้งรายได้ที่เกิดขึ้นหลังหักค่าใช้จ่ายในการประมูล กสทช.จะนำส่งเป็นรายได้แผ่นดินทั้งหมด
สำหรับกรณีข้อเรียกร้องให้ยกเลิกการประมูลครั้งนี้ และให้ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็นที ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐเป็นผู้ดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญนั้น หากพิจารณาตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 60 บัญญัติให้ รัฐต้องรักษาไว้ซึ่งคลื่นความถี่และสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมอันเป็นสมบัติของชาติ เพื่อใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชน” นั้น
กสทช. ซึ่งเป็นองค์กรของรัฐที่มีความเป็นอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นผู้รับผิดชอบการดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด จึงมีหน้าที่และอำนาจในการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาต ให้สอดคล้องตามแผนการบริหารสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม
รวมทั้งตามนโยบายในการส่งเสริมการแข่งขันโดยเสรีและเป็นธรรมในการประกอบกิจการดาวเทียม ซึ่งสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมที่นำมาประมูลในครั้งนี้ เป็นการนำสิทธิที่ประเทศไทยมีอยู่เดิม และมีลักษณะการให้บริการในเชิงพาณิชย์ จึงได้ใช้วิธีการประมูลในการคัดเลือกผู้ขอรับการอนุญาต ซึ่งเป็นวิธีที่มีความโปร่งใส เป็นธรรม และเป็นกลไกในการจัดสรรทรัพยากรให้เกิดความคุ้มค่าและประโยชน์สูงสุด ดังนั้น หากยกเลิกการประมูลและให้ เอ็นที เป็นผู้ดำเนินการแต่เพียงผู้เดียว ย่อมส่งผลกระทบ ขาดความต่อเนื่อง และอาจถูกเพิกถอนสิทธิจากสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ไอทียู) ได้
เริ่มประมูลเคาะแรกเมื่อเวลา 10.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงาน ผู้ร่วมประมูลทั้ง 3 บริษัททยอยเดินทางมาตั้งแต่เวลา 7.00 น. โดยการประมูลเริ่มชุดที่ 4 ประกอบด้วย 126E ราคาเริ่มต้น 8 ล้านบาท เหมาะสำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค และทะเลจีน สามารถใช้งานได้ทั้งเป็นดาวเทียม Broadcast และ Broadband ราคาเริ่มต้น 8.6 ล้านบาท ใช้โดยผลประมูลจบลงใน 2 นาที ด้วยการเคาะราคาจากเอกชนเพียง 1 ครั้ง โดยราคาของชุดที่ 4 จบที่ ราคา 9.076 ล้านบาท
ต่อมาคือชุดที่ 3 ประกอบด้วย วงโคจร 119.5E (ข่ายงาน IP1, P3 และ LSX3R) และวงโคจร 120E (ข่ายงาน 120E) ใช้สำหรับการให้บริการ Broadband เป็นวงโคจรเดิมของไทยคม 4 (ไอพีสตาร์) เหมาะกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียเหนือ ออสเตรเลีย และอินโดจีน ราคาเริ่มต้น 397 ล้านบาท เริ่มประมูลเวลา 10.15 น. และจบลงเวลา 10.21 น. ด้วยการเคาะเพียง 1 ครั้งเช่นกันที่ราคา 417 ล้านบาท
ต่อมาฝ่ายไอทีของเจ้าหน้าที่ผู้จัดประมูลแจ้งว่าระบบมีปัญหา error ทำให้เด้งผู้ประมูลทุกรายออกจากระบบจึงขอเวลาแก้ไข 10 นาทีทำให้เริ่มประมูลชุดที่ 5 ในเวลา 10.40 น. โดยชุดที่ 5 วงโคจร 142E (ข่ายงาน G3K และ N5) โคจรอยู่แถบแปซิฟิก
ดังนั้น บริการที่สามารถให้บริการได้จะเป็นบริการดาวเทียมสำหรับเดินเรือราคาเริ่มต้น 189 ล้านบาท เหมาะสำหรับสำหรับให้บริการ Broadcast ซึ่งจบในเวลา 10.46 นาที ผลปรากฎว่าไม่มีเอกชนรายใดยื่นเคาะราคาเลยทำให้ชุดดังกล่าวขายไม่ออก โดยระบบขึ้นว่า unsold
จากนั้นเริ่ม 11.00 น. ในการเคาะราคาชุดที่ 2 ประกอบด้วย วงโคจร 78.5E (ข่ายงาน A2B และ LSX2R) มีความน่าสนใจตรงที่เป็นวงโคจรที่ให้บริการอยู่ในพม่า อินเดียประเทศไทย ปัจจุบันมีดาวเทียมให้บริการอยู่แล้ว 2 ดวงในตำแหน่งดังกล่าวคือ ไทยคม 6 และ ไทยคม 8 เป็นวงโคจรสำหรับให้บริการ Broadcast ราคาเริ่มต้น 360 ล้านบาท และจบในเวลา 11.05 นาที ในรอบแรก แต่ในชุดดังกล่าวมีการแข่งขันเคาะราคาอยู่ 2 ราย ทำให้เริ่มเคาะรอบที่ 2 ในเวลา 11.10 น. และจบในราคา 11.16 น.ที่ 380 ล้านบาท เนื่องจากมีเอกชน 1 รายหมอบไป
และ ชุดที่ 1 ซึ่งเป็นชุดที่จับสลากการประมูลได้เป็นชุดสุดท้าย ประกอบด้วย วงโคจร 50.5E (ข่ายงาน C1, N1 และ P1R) และวงโคจร 51E (ข่ายงาน 51) ทำตลาดในประเทศแถบอาหรับ และตะวันออกกลาง เป็นวงโคจรสำหรับ Broadcast ราคาเริ่มต้น 374 ล้านบาท โดยเริ่มประมูลในเวลา 11.30 น. จบในเวลา ราคา 11.36 น. ผลปรากฎ ว่าไม่มีผู้เสนอราคา unsold