สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ เห็นชอบรายงานผลการศึกษาและข้อเสนอแนะการปฏิรูปการใช้สื่อโซเชียลมีเดีย โดยเสนอจัดระบบการเข้าถึงสื่อออนไลน์และจัดตั้งศูนย์กลางเฝ้าระวัง เพื่อแก้ปัญหาการใช้สื่อโซเซียลมีเดียให้เกิดความเหมาะสม
การประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ในการพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการสื่อสารมวลชน เรื่องผลการศึกษาและข้อเสนอแนะการปฏิรูปการใช้สื่อโซเชียลมีเดีย โดยพลตำรวจตรี พิสิษฐ์ เปาอินทร์ รองประธานกรรมาธิการฯ นำเสนอแนวทางปฏิรูป แบ่งเป็นระยะเร่งด่วน ต้องดำเนินการให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในปี 2560 -2562 ได้แก่ จัดระบบการเข้าถึงสื่อออนไลน์ ให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) วางมาตรการจัดระเบียบการลงทะเบียนโทรศัพท์มือถือ ปรับแผนใช้ลายนิ้วมือ ใบหน้า ควบคู่กับการลงทะเบียนโทรศัพท์มือถือด้วยบัตรประชาชนมาใช้บังคับทั่วประเทศ ขณะที่การจัดตั้งศูนย์กลางเฝ้าระวัง ปรับภารกิจงานเฝ้าระวังของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) มาให้กับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) เป็นผู้ดำเนินการแทน รวมทั้งให้เร่งรัดใช้มาตรการทางภาษีกับผู้ให้บริการสื่อออนไลน์ต่างประเทศ โดยให้กรมสรรพากรเป็นผู้ดำเนินการ
ส่วนมาตราการระยะยาว ต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับช่วงเวลาของแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ทั้งการเสริมสร้างปลูกจิตสำนึกที่ดีมีจริยธรรมในการใช้สื่อออนไลน์ การให้ความรู้ทางด้านเทคโนโลยี การสร้างภูมิคุ้มกัน และความตระหนักรู้ การใช้มาตรการทางกฎหมาย มาตรการและแนวนโยบายของรัฐ และมีกระบวนการตรวจสอบและประเมินผล ขณะที่ สมาชิก สปท. ส่วนใหญ่อภิปรายสนับสนุนแนวคิดดังกล่าว เนื่องจากเป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับประชาชนทั้งประเทศ และแนวโน้มการเข้าถึงสื่อโซเซียลมีเดียหลายช่องทาง แต่เห็นว่าการปฏิรูปโดยการกำหนดมาตรการต่าง ๆ รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายเพียงอย่างเดียวไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่ายจึงจะทำให้ประสบผลสำเร็จ โดยหลังเสร็จสิ้นการอภิปราย ที่ประชุมมีมติเห็นชอบกับรายงานดังกล่าวด้วยคะแนนเสียง 144 เสียง ไม่เห็นชอบ 1 เสียง และงดออกเสียง 2 เสียง