สถานการณ์การค้าประเวณีในจังหวัดเชียงใหม่ยังน่าห่วง ซึ่งมีเด็กอายุน้อยลงที่เข้าสู่กระบวนการ โดยใช้สื่อออนไลน์เข้ามาเป็นเครื่องมือพูดคุยนัดหมาย ขณะที่เจ้าหน้าที่เร่งบูรณาการทุกฝ่าย ร่วมกันเป็นเครือข่ายเฝ้าระวัง เพื่อป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ สายด่วน 1300 ตลอด 24 ชั่วโมง
วันที่ 4 กรกฎาคม 2560 ที่ ห้องประชุม 4 ชั้น 4 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายวรพงษ์ บุญเคลือบ นักสังคมสงเคราะห์ชำนาญการ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จังหวัดเชียงใหม่ เป็นจังหวัดต้นทาง ทางผ่าน และปลายทางของปัญหาการค้ามนุษย์ รวมทั้งเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว การคมนาคมขนส่ง และมีพื้นที่ติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้มีผู้คนเข้ามาอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่จำนวนมาก ทั้งเข้ามาอยู่และทำงานในภาคอุตสาหกรรมและบริการ ส่งผลกระทบต่อการเกิดปัญหาสังคม โดยเฉพาะปัญหาการค้ามนุษย์ พบว่า จังหวัดเชียงใหม่จับกุมผู้กระทำผิดจากการค้าประเวณี โดยเป็นเด็กและสตรีที่มีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่กระบวนการให้บริการเพศมากที่สุด ซึ่งมีลักษณะการแอบแฝงขายบริการทางเพศในสถานบริการ
ทั้งนี้ จังหวัดเชียงใหม่ ปัญหาที่พบบ่อย และมีความซ้ำซ้อนมากขึ้น คือ การค้าประเวณี ซึ่งแนวโน้มเด็กที่เข้าสู่กระบวนการมีแนวโน้มอายุน้อยลง (อายุ 12 ปี) นอกจากนี้ ยังมีลักษณะเป็นการบังคับค้าประเวณีในเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี โดยผ่านจากชักชวนจากเพื่อนหรือรุ่นพี่ที่รู้จัก ผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งในปัจจุบันนิยมใช้ช่องทางสื่อออนไลน์เข้ามาเป็นเครื่องมือในการพูดคุยตกลงกัน พร้อมนัดหมายค้าประเวณีตามโรงแรม หรือที่พักของผู้ซื้อบริการ จึงเป็นอุปสรรคที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสืบหาได้อย่างครบถ้วน โดยเข้มงวดการตรวจตราสถานบริการ สถานประกอบการ ร้านอาหาร ร้านคาราโอเกะกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะการค้าประเวณีเด็กและป้องกันเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ให้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง
สำหรับ ผลการดำเนินงานการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของจังหวัดเชียงใหม่ ปะจำปี 2560 ตั้งแต่เดือนมกราคม – มิถุนายน โดยจังหวัดเชียงใหม่ได้มีมาตรการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ได้มีจัดตั้งคณะอนุกรรมการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อรายงานสถานการณ์และปรับแผนงานสกัดกั้นขบวนการค้ามนุษย์ โดยการตรวจสอบคัดกรองคนต่างด้าว ทั้งผู้ที่มีพฤติการณ์เกี่ยวข้อง และบุคคลกลุ่มเสี่ยงที่อาจตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ ซึ่งถือเป็นวาระสำคัญแห่งชาติ ยึดถือปฏิบัติและบูรณาการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อลดสาเหตุที่ก่อให้เกิดปัญหาการค้ามนุษย์อย่างเป็นระบบ และเป็นตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ขณะนี้พบการคดีการค้ามนุษย์ จำนวน 22 คดี เป็นรูปแบบการค้าประเวณีจำนวน 20 คดี รูปแบบการบังคับใช้แรงงานและบริการ และการกระทำการอื่นใดอันเป็นการขูดรีดบุคคล จำนวน 1 คดี และรูปแบบแสวงหาประโยชน์ทางเพศรูปแบบอื่น จำนวน 1 คดี พร้อมกันนี้ ได้อบรมให้ความรู้แก่ประชาชน และเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเครือข่ายในพื้นที่ ซึ่งประชาชนทั่วไปสามารถร่วมเป็นเครือข่ายในการหยุดปัญหาการค้ามนุษย์ได้ โดยเมื่อพบเห็นเหตุที่ต้องสงสัย สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 1300 ตลอด 24 ชั่วโมง