เกษตรฯ วางเป้ายกระดับคุณภาพสหกรณ์ จัดเกรดเพื่อพัฒนาสหกรณ์ขั้นดีสู่เป้าหมายในปี 60 สหกรณ์เกรดเอมีกว่า 65% จำนวน 4,629 แห่ง
พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงแผนพัฒนาความเข้มแข็งสหกรณ์ 2559 – 2560 ว่า จากนโยบายนายกรัฐมนตรีต้องการพัฒนาสหกรณ์ให้เข้มแข็ง เพื่อเพิ่มศักยภาพในบทบาทหน้าที่ในการช่วยเหลือเกษตรกร ซึ่งมาตรการหนึ่งที่จะช่วยให้สหกรณ์ในทุกประเภทสหกรณ์มีการพัฒนาตัวเองไป สู่ระดับมาตรฐาน ซึ่งจะส่งผลต่อภาพรวมในเชิงเศรษฐกิจได้นั้น คือ การศึกษา วิเคราะห์ กำหนดเกณฑ์การจัดระดับสหกรณ์ และประเมินสถานภาพสหกรณ์เพื่อจัดทำแผนพัฒนาสหกรณ์ตามสถานภาพ โดยล่าสุดขณะนี้กรมส่งเสริมสหกรณ์ร่วมกับกรมตรวจบัญชีสหกรณ์จัดทำแผนพัฒนาความเข้มแข็งสหกรณ์ระหว่างปี 2559 – 2560 พร้อมกำหนดมาตรการในการพัฒนา ซึ่งประกอบด้วย 5 มาตรการหลัก คือ 1.การสร้างความเข้มแข็งของสมาชิกให้เป็นฐานรากที่มั่นคงของสหกรณ์ 2. เพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจแบบสหกรณ์ 3. พัฒนาการบริหารจัดการและเสริมสร้างธรรมาภิบาล 4. มาตรการในการกำกับ และตรวจสอบ และ 5. มาตรการสนับสนุน เช่น การพัฒนาบุคลากร การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาระบบฐานข้อมูล เป็นต้น
สำหรับหลักเกณฑ์การแบ่งลำดับชั้น ประกอบด้วย ชั้นที่ 1 บริการสมาชิกได้มากกว่า70% มีประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจอยู่ในระดับมาตรฐาน มีคุณภาพการควบคุมภายในดีมาก ไม่มีข้อบกพร่อง ชั้นที่ 2 บริการสมาชิกได้ระหว่าง 60 – 70 % มีประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจอยู่ในระดับพอใช้ มีคุณภาพการควบคุมภายในพอใช้ หรือเคยเกิดข้อบกพร่องแต่ได้แก้ไขแล้ว ชั้นที่ 3 บริการสมาชิกได้ต่ำกว่า 60 % มีประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจอยู่ในระดับต้องปรับปรุง มีคุณภาพการควบคุมภายในต้องปรับปรุงหรือไม่มีระบบควบคุมภายใน หรือเป็นสหกรณ์ที่เกิดข้อบกพร่องแต่ยังแก้ไขไม่เสร็จ ชั้นที่ 4 สหกรณ์ที่นายทะเบียนสั่งเลิกกิจการแล้ว อยู่ระหว่างการชำระบัญชี
“เป้าหมายการยกระดับความเข้มแข็งของสหกรณ์ เมื่อสิ้นสุดปี 2560 นั้น สหกรณ์ชั้นที่ 1 ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 2,252 แห่ง คิดเป็น 27% จะต้องพัฒนาในปี 2559 เพิ่มขึ้นเป็น 3,083แห่ง คิดเป็น 41% และ จำนวน 4,629 แห่งคิดเป็น 65 % ในปี 2560 สหกรณ์ชั้นที่ 2 ปัจจุบันมีอยู่ 4,201 แห่ง 50% จะต้องลดลงเหลือ 3,428 แห่ง คิดเป็น 46% ในปี 59 และเหลือ 2,173 แห่ง คิดเป็น 30% ในปี 60 สหกรณ์ชั้นที่ 3 ปัจจุบันมีอยู่ 788 แห่ง หรือ 10%จะต้องลดลงเหลือ 631 แห่ง หรือ 8% ในปี 59 และเหลือ 340 แห่ง หรือ 5% ในปี 60 และชั้นที่ 4 ที่มีอยู่ 1,088 แห่ง คิดเป็น 13% จะลดเหลือเพียง 291 แห่ง หรือ 4% และต้องชำระบัญชีเสร็จสิ้นทั้งหมดภายในปี 2560” พลเอก ฉัตรชัย กล่าว
ดังนั้น ในภาพรวมของการพัฒนาสหกรณ์ซึ่งมีอยู่ทั้ง 7 ประเภทสหกรณ์ จะต้องไปสู่เป้าหมายเมื่อสิ้นปี 2560 สหกรณ์ จะต้องมีสหกรณ์เกรดเอ หรือชั้น 1 จำนวน 4,629 แห่ง หรือคิดเป็น 65% ให้ได้ โดยมีตัวชี้วัดสำคัญ คือ สมาชิกไม่น้อยกว่า 70% มีส่วนร่วมในการดำเนินธุรกิจ สหกรณ์มีเสถียรภาพทางการเงิน มีระบบการควบคุมภายในที่ดีมากไม่มีข้อบกพร่อง และสัดส่วนเงินออมต่อหนี้สิน เฉลี่ยต่อครัวเรือนสมาชิกเพิ่มมากขึ้น