สถานการณ์ชายแดนสังขละบุรี ทหารเมียนมา ยิงปะทะ กองกำลังกะเหรี่ยงประชาธิปไตยฝ่ายพุทธ( DKBA)-กองกำลังพิทักษ์ประชาชน (PDF) หน้าด่าน ตม.พยาตองซู (ด่านไม้กระดก) ติดกับติดด่าน ตม สังขละบุรี และด่านศุลกากร ไทย เจ้าหน้าที่หนีตาย โชคดีไม่ได้รับบาดเจ็บ ผลการปะทะเจ้าหน้าที่เมียนมาบาดเจ็บ 1 ฝ่ายตรงข้ามบาดเจ็บ2 บรรยากาศเช้านี้เข้าสู่ภาวะปกติ
วันนี้ 01 ก.พ. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุการณ์ยิงปะทะกันอย่างหนักหน่วงระหว่างทหารเมียนมา (BGF) ที่อยู่ประจำด่าน ตม.พยาตองซู กับชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยง DKBA และ PDF ซึ่งเหตุการณ์ยิงปะทะเกิดขึ้นบริเวณหน้าด่าน ตรวจคนเข้าเมืองพญาตองซู (ประเทศเมียนมา) ซึ่งอยู่ติด ด่านตรวจคนเข้าเมืองสังขละบุรี และด่านศุลกากรสังขละบุรี (ชายแดนด่านเจดีย์สามองค์) โดยมีการปะทะกันนานกว่า 10 นาที ด้วยการใช้ระเบิด อาวุธปืนเล็กยาว นานาชนิดสาดเข้าใส่กัน ซึ่งเสียงปืนจากการปะทะได้ยินมาถึงฝั่งไทยได้อย่างชัดเจน ทำให้เจ้าหน้าที่ ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้าฯกองกำลังสุรสีห์ ต.ช.ด.134 ตำรวจภูธรอำเภอสังขละบุรี อาสารักษาดินแดน ผู้นำชุมชน ชุดรักษาความสงบประจำหมู่บ้านพระเจดีย์สามองค์(ชรบ) เข้าควบคุมสถานการณ์และเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ โดยประกาศให้ชาวบ้านกลับเข้าบ้านเรือนเพื่อความปลอดภัย
ซึ่งการปะทะครั้งนี้เกิดจากการที่กองกำลังชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยง DKBAและPDF ต้องการบุกเผาที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองพยาตองซูและสถานีตำรวจเมืองพยาตองซู ซึ่งเป็นสถานที่ราชการสำคัญของทางการเมียนมา เพียง2แห่งที่ยังไม่ถูกวางเพลิง
ซึ่งมีรายงานว่าผลจากการปะทะฝ่ายDKBA และPDF บาดเจ็บ 2 ราย ส่วนเจ้าหน้าที่ประจำด่าน ตม.เมืองพยาตองซู กองกำลังพิทักษ์ชายแดน(BGF)บาดเจ็บ 1 ราย ส่วนเจ้าหน้าที่และประชาชนไม่ได้รับบาดเจ็บ
ส่วนบรรยากาศวันนี้ที่บริเวณด่านเจดีย์สามองค์ ประชาชนยังคงกลับมาใช้ชีวิตและทำการค้าขายตามปกติ โดยมีเจ้าหน้าที่ ทหาร ตำรวจ และ ต.ช.ด. ดูแลความเรียบร้อยรอบๆ บริเวณ ทั้งนี้เหตุการณ์การปะทะมักจะเกิดขึ้นในช่วงเวลากลางคืนระหว่าง 21.00 -22.00 น และที่ผ่านมายังไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่บ้านพระเจดีย์สามองค์
ขณะที่อำเภอสังขละบุรีโดยนายสุทธิพร ศิวเวทพิกุล นายอำเภอสังขละบุรี ได้ทำการปิดศูนย์รองรับหนีภัยความไม่สงบในเมียนมา เนื่องจากผู้หนีภัยฯส่วนใหญ่ตัดสินใจเดินทางกลับ ภายหลังจากสถานการณ์ในเมืองพยาตองซู เริ่มคลี่คลาย ขณะนี้คงเหลือเพียงผู้ที่มีภูมิลำเนาที่มาจากหมู่บ้านที่ไกลออกไป ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหญิงที่ตั้งครรภ์และมีลูกเล็ก ซึ่งไม่สะดวกในการเดินทางอยู่เพียง 15-20 คน โดยมีพระสงฆ์และแม่ชีคอยช่วยเหลือดูแล และพร้อมจะเดินทางกลับทันทีเมื่อสถานการณ์ดีขึ้นกว่านี้./
ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์ - รายงาน