จากเหตุการณ์เช้าวันที่ 28 มกราคม ที่ผ่านมาได้มีชาวบ้านซองกาเลีย ม 8 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี นำลูกจระเข้ที่ตายแล้ว ขนาดความยาวประมาณ70เซนติเมตร น้ำหนักกว่า 1.7 กก มามอบให้นายสนั่น กำสุข ผู้ใหญ่บ้าน โดยลูกบ้านคนดังกล่าวเล่าให้ฟังตนเองใช้ยิงได้ ขณะลงดำปลา บริเวณวังมะม่วงในแม่น้ำซองกาเลีย ซึ่งห่างจากหมู่บ้านลงไปทางทิศใต้ประมาณ 200 เมตร 

ในเวลาต่อมานายสนั่น กำสุข ผู้ใหญ่บ้านได้แจ้งนายสุทธิพร ศิวเวทพิกุล นายอำเภอสังขละบุรี พร้อมนำซากลูกจระเข้ตัวดังกล่าวส่งมอบให้นายประมงอำเภอสังขละบุรี เพื่อพิสูจน์ที่มาของลูกจระเข้ตัวดังกล่าว และรอกำหนดวันลงพื้นที่เพื่อหาร่องรอยการอยู่อาศัยของจระเข้ในแม่น้ำซองกาเลีย บริเวณที่ชาวบ้านพบลูกจระเข้ เพื่อสร้างความสบายใจให้กับชาวบ้าน เนื่องจากหลังจากมีการพบลูกจระเข้ในบริเวณดังกล่าว ทำให้ชาวบ้านเกิดความหวาดกลัวและวิตกกังวล จนไม่กล้าไปหาปลาและเล่นน้ำในแม่น้ำซองกาเลีย 

  เพื่อความสบายใจของชาวบ้านวันนี้ 04 ก.พ. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ธิดาวรรณ โพธิเพ็ชร หัวหน้ากลุ่มบริหารจัดการด้านการประมง  สำนักงานประมงจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วย นายนฤนาท เผือกจีน ประมงอำเภอสังขละบุรี เจ้าหน้าที่กองตรวจการประมงเขื่อนวชิราลงกรณ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม และชาวบ้านซองกาเลีย ได้ลงพื้นที่แม่น้ำซองกาเลีย บ้านซองกาเลีย ม 8 ต หนองลู อ สังขละบุรี จ กาญจนบุรี ในจุดที่ชาวบ้านจับลูกจระเข้  เพื่อตรวจสอบร่องรอยรอบๆพื้นที่ ปรากฎว่าไม่พบหลักฐานหรือร่องรอยที่บ่งบอกถึงการมีจระเข้ในพื้นที่ ทั้งนี้หากมีจระเข้อาศัยอยู่จริง จะต้องปรากฎร่องรอยของการขึ้นลงบริเวณริมตลิ่ง รอยเท้า ร่องรอยการอยู่อาศัย อุจจาระที่ถ่ายทิ้งไว้ที่ เนื่องจากจระเข้จะนอนบนบกและมีพฤติกรรมนอนอาบแดดเพื่อสร้างความอบอุ่นให้ร่างกาย

 จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ลูกจระเข้ตัวดังกล่าวจะไม่ใช่จระเข้ที่มีแหล่งกำเนิดอยู่ในบริเวณนี้ ที่สำคัญนักวิชาการประมง ให้ข้อมูลว่าในธรรมชาติหากลูกจระเข้ขนาดที่พบ(อายุน่าจะประมาณ6เดือน)จะมีพฤติกรรมอาศัยอยู่กับพ่อแม่ จะไม่อยู่เพียงลำพัง ลูกจระเข้ตัวที่ชาวบ้านนำมาให้มีลักษณะผอมน้ำหนักไม่มาก(1.8 ก.ก) ซึ่งหากเป็นจระเข้ที่เกิดและเติบโตในธรรมชาติ จะไม่ผอมแบบนี้ เนื่องจากในน้ำมีอาหาร(ปลา)ที่อุดมสมบูรณ์

จึงมีความเป็นไปได้สูงที่จะมาจากแหล่งอื่น เช่นมีคนนำมาปล่อย โดยธรรมชาติจระเข้เมื่อลงสู่แหล่งน้ำในธรรมชาติ จระเข้จะว่ายขึ้นไปหาต้นน้ำ ที่สำคัญจระเข้ก็เหมือนสัตว์ป่าทั่วไป ที่กลัวมนุษย์ โดยจะไม่ทำร้ายมนุษย์นอกจากถูกทำร้ายก่อน หรือเจอกันในลักษณะปะชิดจนไม่สามารถหลบหนีได้ จึงขอให้พี่น้องประชาชนอย่าวิตกกังวล

 ในเวลาต่อมาน.ส.ธิดาวรรณ โพธิเพ็ชร หัวหน้ากลุ่มบริหารจัดการด้านการประมง สำนักงานประมงจังหวัดกาญจนบุรี ได้เดินทางไปยังที่ทำการผู้ใหญ่บ้านซองกาเลีย เพื่อประชุมร่วมกับผู้ใหญ่บ้านและได้ถือโอกาสชี้แจงทำความเข้าใจถึงเหตุการณ์ที่มีการพบลูกจระเข้ในแม่น้ำซองกาเลีย พร้อมยืนยันว่าจระเข้ตัวดังกล่าวน่าจะมีที่มาจากแหล่งอื่น และให้ความรู้กับชาวบ้านถึงพฤติกรรมของจระเข้ พร้อมขอความร่วมมือชาวบ้านว่าหลังจากวันนี้หากมีใครพบเห็นลูกจระเข้ในพื้นที่อีกให้รีบดำเนินการแจ้งผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชนเพื่เจ้าหน้าที่ประมงจะได้เข้ามาดำเนินการจับและนำออกไปจากแหล่งน้ำในธรรมชาติต่อไป พร้อมแจ้งข่าวถึงประชาชนที่ครอบครองลูกจระเข้หากไม่ต้องการเลี้ยงต่อ อย่านำไปปล่อยในแหล่งน้ำธรรมชาติ ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ประมงอำเภอเพื่อดำเนินการรับไปดูแลและนำไปปล่อยในพื้นที่ควบคุมของกรมประมงต่อไป ซึ่งภายหลังได้รับการชี้แจงจากเจ้าหน้าที่ทำให้ชาวบ้านต่างพากันโล่งอก และจะได้กลับมาดำเนินชีวิตในการหาปลายังชีพและเล่นน้ำในแม่น้ำซองกาเลีย ตามปกติต่อไป

ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์