วันนี้ 5 ก.พ.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณพื้นที่ป่าชุมชนบ้านอู่ล่อง ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ทางกองบัญชาการกองทัพไทย บก.ทท. (นทพ.) โดย นพค.11 สนภ.1 นทพ. นำโดย พันเอก ชุมพร ไผ่นาค ผู้บังคับหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 11 สำนักงานพัฒนาภาค 1 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนาจัดชุดบรรเทาสาธารณภัยเคลื่อนที่เร็ว เร่งนำกำลังพร้อมรถบรรทุกน้ำฉีดสกัดเพลิงที่ลุกไหม้ป่าตามเชิงเขา ป้องกันไม่ให้เปลวไฟลุกไหม้ลามออกไปยังจุดอื่นเป็นการเร่งด่วน โดยการออกสกัดเพลิง
ประกอบด้วยกำลังพล จำนวน 4 นาย และ รถยนต์บรรทุกน้ำ ขนาด 6,000 ลิตร จำนวน 1 คัน เข้าดำเนินการดับไฟป่าที่ไม่ทราบสาเหตุของต้นเพลิงตามแนวเชิงตีนเขา เพื่อเป็นการป้องกันไฟที่อาจจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ทำการเกษตรของประชาชน รวมทั้งช่วยลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศ (PM 2.5)
สำหรับบริเวณพื้นที่หมู่ 5 บ้านแก่งปลากด นายวสันต์ สุนจิรัตน์ กำนัน ตำบลช่องสะเดา อำเภอเมือง ( ประธานทสม.ตำบลช่องสะเดา) พร้อมด้วยเครือข่ายการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันบ้านแก่งปลากด โดยการนำของ ร้อยโท สุรเดช วิเลิศ ผบ.มว.สื่อสาร ร.9 พัน1 และทหารจิตอาสาพระราชทาน
นายอุทัย ขันทอง หัวหน้าป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตเขื่อนท่าทุ่งนา ประชาชนจิตอาสา และชาวบ้านหมู่ที่ 5 บ้านแก่งปลากด ร่วมกิจกรรมทำแนวกันไฟป้องกันไฟป่า ในพื้นที่หมู่ที่5 บ้านแก่งปลากด
เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เขตติดต่อระหว่างหมู่ 5 บ้านแก่งปลากดและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ช่วงเข้าฤดูแล้ง ใบไม้ร่วงสะสมเป็นจำนวนมาก มักจะทำเกิดไฟป่าเป็นประจำทุกปี เป็นผลให้เกิดหมอกควัน ก๊าซที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์เรือนกระจก ทำให้เกิดความผันแปรของสภาวะภูมิอากาศ ซึ่งกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว
การทำแนวป้องกันไฟป่าจึงมีสำคัญอย่างยิ่ง ทั้งนี้เพื่อป้องกันและบรรเทาปัญหาความรุนแรงของไฟป่า ลดความสูญเสียของทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า รวมไปถึงการลดปัญหาฝุ่นละอองหมอกควัน PM 2.5 และช่วยรณรงค์ส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่ได้ช่วยกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมป้องกันไฟป่าและปัญหาหมอกควันไม่ให้เกิดขึ้นอีก และสภาพอากาศในช่วงฤดูแล้ง ในพื้นที่เขตอำเภอเมือง ไทรโยค ศรีสวัสดิ์ และอำเภอทองผาภูมิ กำลังประสบปัญหาจากควันไฟ ฝุ่นละออง จากสภาพอากาศแห้งแล้ง ทำให้เกิดควันไฟ ฝุ่นละออง ให้เห็นอยู่เป็นจำนวนมาก ปัญหาดังกล่าวทำให้ประชาชนโดยเฉพาะผู้สูงอายุ เด็กเล็ก กำลังเกิดปัญหาเกี่ยวกับโรคทางเดินหายใจ จึงขอฝากถึงประชาชนหากพบเห็นไฟที่ลุกไหม้ให้รีบแจ้งหน่วยงานเกี่ยวข้อง ผู้นำท้องถิ่นทราบเป็นการด่วน เพื่อหาทางดพับไฟไม่ให้เกิดลุกลามออกไปเป็นวงกว้างออกไป
ซึ่งเรื่องนี้ทาง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี ได้เฝ้าระวังให้คำแนะนำประชาชนเพื่อป้องกันปัญหาฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น หอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคระบบทางเดินหายใจ โรคผิวหนังอักเสบ โรคตาอักเสบ หรือผู้ที่ต้องอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานานควรระมัดระวังป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก ถ้าจำเป็นต้องออกนอกบ้านควรสวมหน้ากากที่ป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก เช่น หน้ากาก N 95 หรือหน้ากากที่มีแผ่นกรองคาร์บอน
ซึ่ง นายแพทย์ชาติชาย กิติยานันท์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า ปัญหาฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กมากเกินกว่าที่ขนจมูกของเราจะกรองได้ ซึ่งฝุ่นละอองระดับนี้ระบบป้องกันในร่างกายไม่สามารถดักจับได้ดีนัก ทำให้มีโอกาสเข้าสู่ร่างกายสูง อาจทำให้เกิดการระคายเคืองและมีผลกระทบต่อสุขภาพได้ ซึ่งจังหวัดกาญจนบุรีได้มีการติดตามสถานการณ์เฝ้าระวังผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น หอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคระบบทางเดินหายใจ โรคผิวหนังอักเสบ โรคตาอักเสบ หรือผู้ที่ต้องอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน รวมทั้งมีการสื่อสารเตือนภัยให้ประชาชนทราบความเสี่ยงและป้องกันดูแลสุขภาพของตนเองได้อย่างถูกต้อง
นายแพทย์ชาติชาย กล่าวต่อไปว่า ค่าเฝ้าระวังผลกระทบต่อสุขภาพจากฝุ่นละอองขนาดเล็กแบ่งเป็น 5 สี ตามระดับความเสี่ยงต่อสุขภาพ ซึ่งเป็นไปตามค่าคุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษ มีคำแนะนำในการปฏิบัติตัวของประชาชนทั่วไปและกลุ่มเสี่ยง โดย คุณภาพอากาศระดับสีแดง (91 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรขึ้นไป) อยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ ระดับสีส้ม (51-90 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) คุณภาพอากาศเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ระดับสีเหลือง (38-50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) คุณภาพอากาศอยู่ในระดับปานกลาง ระดับสีเขียว (26-37 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) คุณภาพอากาศอยู่ในระดับปกติ และระดับสีฟ้า (0-25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) คุณภาพอากาศอยู่ในระดับดีมาก ซึ่งวันนี้คุณภาพอากาศของจังหวัดกาญจนบุรีพบเป็นพื้นที่สีเหลืองสถานการณ์อยู่ในระดับปานกลาง อย่างไรก็ตาม ขอแนะนำประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงดังกล่าวควรลดหรืองดการทำกิจกรรมและออกกำลังกายกลางแจ้ง สวมหน้ากากป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กเมื่อออกนอกบ้าน หรือใช้ผ้าชุบน้ำปิดจมูก หากมีอาการผิดปกติ เช่น หายใจติดขัด แน่นหน้าอก วิงเวียนศีรษะ หรือหมดสติ ให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็ว ผู้มีโรคประจำตัวควรเตรียมยาและอุปกรณ์ที่จำเป็น รวมทั้งขอความร่วมมือจากหน่วยงานและประชาชนลดแหล่งกำเนิดฝุ่นละอองและควันไฟ ปัญหาการเผาไร่อ้อย การเผาขยะ ขอความร่วมมือในการงดการเผาทุกชนิด และงดการกระทำใดๆ อันเป็นเหตุให้เกิดกลิ่น แสง รังสี เสียง ความร้อน ฝุ่นละออง เขม่า โดยหากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดีตาม พรบ.สาธารณสุข ให้มีการตรวจตรา ติดตาม และจับกุมผู้กระทำความผิดตามมาตรการดังกล่าวอย่างเคร่งครัด
ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์ - รายงาน