วันนี้(6ก.พ.66)ที่รัฐสภา นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร (นายชวน หลีกภัย) ในฐานะประธานคณะกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้วินิจฉัยและมีคำสั่งลงโทษ กรณีรองประธานสภาฯคนที่สองขอแต่งตั้งบุคคลซึ่งมีประวัติถูกจำคุกในคดีอาญาฐานปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธฯมาดำรงตำแหน่งผช.เลขานุการรองประธานสภาฯคนที่สองถึง 2 ครั้งนั้นเข้าข่ายผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่
ซึ่งบุคคลดังกล่าว เมื่อตรวจสอบประวัติพบว่าเคยมีประวัติเกี่ยวกับการกระทำความผิดอาญามาแล้วหลายครั้ง โดยมีการเปลี่ยนทั้งชื่อตัว ชื่อสกุล เพื่อหลบเลี่ยงการถูกตรวจสอบมาแล้วอย่างน้อย 3 ครั้ง 3 ชื่อ 3 นามสกุล ล่าสุดคือเปลี่ยนเมื่อวันที่ 12 พ.ค.59 ซึ่งเป็นชื่อและสกุลที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ ก่อนที่จะถูกขอให้แต่งตั้งเป็นข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมือง ตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรองประธานสภา คนที่สองเมื่อวันที่ 29 พ.ค.62 และยื่นขอลาออกเมื่อวันที่ 1 ส.ค.63
ต่อมาได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามาเป็นผู้ช่วยเลขานุการรองประธานสภา คนที่สองอีกครั้งเมื่อวันที่ 1 ม.ค.64 และขอลาออกไปเมื่อ 1 ม.ค.65 รวมระยะเวลาที่อยู่ในตำแหน่งดังกล่าว 2 ปี 3 เดือน 3 วัน โดยได้รับเงินเดือน 39,710 บาท และได้รับเงินประจำตำแหน่ง 3,780 บาทรวม 43,490 บาท/เดือน ซึ่งบุคคลดังกล่าวได้รับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งไปแล้วรวมทั้งหมดกว่า 1,174,230 บาท ซึ่งเงินดังกล่าวเป็นเงินงบประมาณจากภาษีของประชาชนคนทั้งประเทศ
ทั้งนี้ตาม พรบ.ระเบียบข้าราชการรัฐสภา พ.ศ.2554 ม.92 วรรคสาม ประกอบ ม.37 วรรคหนึ่ง ข.(7) ระบุไว้ชัดเจนว่าข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมืองต้องไม่เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ และไม่มีลักษณะต้องห้าม คือ เป็นผู้เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
ดังนั้น บุคคลที่รองประธานสภาฯคนที่สองขอให้แต่งตั้งมาเป็นผู้ช่วยเลขานุการรองประธานสภาฯคนที่สองถึง 2 ครั้งดังกล่าว เคยถูกศาลอาญาพิพากษาให้จำคุกในความผิดฐานปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธฯ, ร่วมกันข่มขืนใจและหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น, ร่วมกันมีอาวุธปืน และพกติดตัวไป เป็นนักโทษเด็ดขาดในคดีอาญา คดีดำที่ อ.300/2552 : คดีแดงที่ อ.3558/2552 คดีถึงที่สุดวันที่ 20 พ.ย.52 จำคุกตั้งแต่วันที่ 4 ธ.ค.2554 และถูกพ้นโทษมาเมื่อวันที่ 9 ก.พ.2559 นี้เอง
การที่รองประธานสภาฯคนที่สองขอให้แต่งตั้งบุคคลซึ่งมีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายมาดำรงตำแหน่งข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมือง รับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งดังกล่าว จึงอาจเข้าข่ายการฝ่าฝืนข้อบังคับว่าด้วยจริยธรรมและมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยจึงต้องนำความมาร้องเรียนให้ประธานสภาฯดำเนินการเอาผิดตามอำนาจหน้าที่ในวันนี้ นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด