ครม. อนุมัติ 3,092.72 ล้านบาท ซ่อมแซม/ปรับปรุงอาคารชลประทาน ใน 48 จังหวัด ครอบคลุม 4 ภูมิภาคที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยปี 2565 เน้นย้ำดำเนินการอย่างเหมาะสม คุ้มค่า โปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยคำนึงถึงประโยชน์ของราชการและประชาชนเป็นสำคัญ
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรี (7 ก.พ. 2566) อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทานใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 3,092.72 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายโครงการซ่อมแซม/ปรับปรุงอาคารชลประทานที่ได้รับความเสียหายเนื่องจากอุทกภัยปี 2565 รวม 1,167 รายการ ในพื้นที่ 48 จังหวัด ของภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ซึ่งได้รับความเสียหายจากอุทกภัยจากอิทธิพลของร่องมรสุมกำลังแรงและพายุโนรูเมื่อเดือนกันยายนปี 2565 เพื่อช่อมแซม/ปรับปรุงอาคาร และระบบชลประทานที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย และการใช้งานให้กลับคืนสู่สภาพเดิมหรือมีประสิทธิภาพที่สูงขึ้น มีสภาพพร้อมใช้งานและมีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการน้ำให้ดีขึ้น สามารถรองรับปริมาณน้ำหลากได้ และสามารถบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตรเพื่อการอุปโภค-บริโภค หรือกิจกรรมอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งส่งน้ำและระบายน้ำให้กับพื้นที่การเกษตรได้ทันในช่วงฤดูแล้งและฤดูฝน
โดยมีแผนงานซ่อมแซม/ปรับปรุงอาคารชลประทานที่ได้รับความเสียหายครอบคลุมทั้ง 4 ภูมิภาค จำแนกเป็น 1)การปรับปรุงงานชลประทาน 11 โครงการ วงเงิน 191.76 ล้านบาท 2)การซ่อมแซมอ่างเก็บน้ำ 39 โครงการ วงเงิน 152.98 ล้านบาท 3)การซ่อมแซมฝาย/อาคารบังคับน้ำ 31 โครงการ วงเงิน 64.21 ล้านบาท 4)การซ่อมแซมคลอง/ระบบส่งน้ำ 523 โครงการ วงเงิน 1,079.34 ล้านบาท และการซ่อมแซมระบบระบายน้ำ 563 โครงการ วงเงิน 1,604.43 ล้านบาท
“นายกรัฐมนตรีกำชับให้มีการจัดทำแผนการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ คำนึงถึงศักยภาพ ภารกิจเท่าที่จำเป็นอย่างเหมาะสม คุ้มค่า โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ รวมทั้งต้องมีความโปร่งใส และตรวจสอบได้” นายอนุชากล่าว