สรรพากรโชว์ยอดจัดเก็บ 4 เดือนเกินเป้า 6 หมื่นล้าน ตั้งเป้าดึงธุรกิจออนไลน์เข้าระบบภาษีเพิ่ม หลังปี 65 ดึงเข้าระบบอีก 2 แสนราย มอบนโยบายประคองภาคธุรกิจบริการ เพื่อให้ฟื้นตัวเต็มที่
นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากรเปิดเผยว่า ได้ให้นโยบายแก่สรรพากรพื้นที่ทั่วประเทศไปว่า ในปีนี้ กรมสรรพากรจะต้องเข้าไปช่วยประคับประคองผู้ประกอบธุรกิจที่ได้เพิ่งฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิดเพื่อให้สามารถยืนได้อย่างเข้มแข็ง
โดยแม้ว่า ขณะนี้ สถานการณ์ดังกล่าวจะได้คลี่คลาย หลังจากที่เกิดการระบาดอย่างหนักในช่วงปี 2-3 ปีที่ผ่านมาก็ตาม แต่ก็ยังมีบางธุรกิจที่ยังคงได้รับผลกระทบหรือเพิ่งฟื้นตัว เช่น ธุรกิจร้านอาหาร โรงแรม ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักในช่วงที่มีการปิดประเทศ และไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย
“การเข้าไปช่วยประคับประคองธุรกิจเหล่านั้น เพื่อไม่ให้ภาษีเป็นภาระต้องการทำธุรกิจมากจนเกินไป เพื่อให้เกิดการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแผนการประคับประคองดังกล่าว จะเป็นแผนแบบปีต่อปี”
ขณะเดียวกัน กรมสรรพากร ก็มีนโยบายที่จะดึงธุรกิจที่เคยอยู่นอกระบบภาษี ให้เข้ามาอยู่ในระบบภาษีซึ่งปีที่แล้วกรมสรรพากร สามารถดึงคนเข้าระบบมากถึง 2 แสนราย เช่น พ่อค้าแม่ที่ค้าขายบนแพลทฟอร์มออนไลน์ หรือ Influencer ต่างๆ ทั้งนี้ ปัจจุบันกรมสรรพากร มีกองสำรวจธุรกิจนอกระบบ เพื่อทำหน้าที่ดึงคนเข้าระบบภาษี
สำหรับการจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณ 2566 กรมฯคาดว่าจะสามารถจัดเก็บได้ตามเป้าหมาย โดยใน 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ คือ ต.ค. 2565 ถึง ม.ค.2566 สามารถจัดเก็บรายได้ได้เกินกว่าเป้าหมายมาประมาณ 6 หมื่นล้านบาท โดยส่วนใหญ่จะมาจากรายได้ภาษีนิติบุคคล และ มูลค่าเพิ่ม เป็นหลัก ซึ่งสะท้อนการฟื้นตัวของภาคธุรกิจ และกำลังซื้อในประเทศ
“ในปีนี้รายได้ภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าน้ำมัน จะได้ไม่มากเหมือนปีที่ผ่านมาที่ราคาน้ำมันนำเข้ามีราคาสูง ดังนั้น รายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่มในปีนี้ จึงจะมาจากการบริโภคในประเทศเป็นหลัก ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดี โดยสะท้อนว่า การบริโภคในประเทศเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น”
สำหรับการรายงานผลการจัดเก็บรายได้อย่างเป็นทางการที่กระทรวงการคลังรายงาน ในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2566 หรือ จากต.ค.- ธ.ค.2565 รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้สุทธิ 6.33 แสนล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 7.35 หมื่นล้านบาท หรือสูงกว่าเป้าหมาย 13.2% เฉพาะกรมสรรพากรซึ่งเป็นกรมจัดเก็บภาษีที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ในไตรมาสแรกของปีงบประมาณนี้สามารถจัดเก็บภาษีได้รวม 4.46 แสนล้านบาท เกินกว่าเป้าหมาย 4.07 หมื่นล้านบาท หรือเกินกว่าเป้าหมาย 10%
ทั้งนี้ ในปี 2566 กระทรวงการคลัง คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเพิ่มขึ้นที่3.8 % เนื่องจากได้รับแรงสนับสนุนจากการฟื้นตัวจากภาคการท่องเที่ยวและอุปสงค์ภายในประเทศที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียที่จะเดินทางเข้ามาเพิ่มมากขึ้น ซึ่งคาดว่า ในปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามาในประเทศไทยจำนวน 27.5 ล้านคน ขยายตัวที่ 147% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วส่งผลให้รายได้จากภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ ปริมาณการส่งออกสินค้าจะชะลอลง ตามการชะลอลงของอุปสงค์ประเทศคู่ค้าสำคัญ โดยคาดว่า การส่งออกสินค้าในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐจะขยายตัวที่ 0.4%
รายงานข่าวจากกระทรวงการคลังเผยว่า เมื่อวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้เรียก 3 อธิบดีกรมจัดเก็บภาษีเข้าประชุมเพื่อติดตามสถานการณ์การจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณ 2566 ประกอบด้วย กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และ กรมศุลกากร หลังรัฐบาลปรับลดภาษีน้ำมันดีเซลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกระทบต่อภาพรวมการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล ทั้งนี้ เป้าหมายการจัดเก็บรายได้ของปีงบประมาณ 2566 อยู่ที่ 2.49 ล้านล้านบาท