ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย ราชอาณาจักรกัมพูชา เข้าพบ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ หารือแผนการพัฒนาจุดผ่อนปรนการค้าช่องสายตะกู สู่จุดผ่านแดนถาวร
วันนี้ (15 ก.พ. 66) ที่ ศาลากลางจังหวัดบุรีรัมย์ นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ให้การต้อนรับ นายแปน โกะซอล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย ราชอาณาจักรกัมพูชา พร้อมคณะ หลังเดินทางมาพบปะหารือเพื่อกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่าง 2 จังหวัด
โดยประเด็นหลักที่นำมาหารือในวันนี้คือ การร่วมผลักดันจุดผ่อนปรนการค้าช่องสายตะกู ตำบลจันทบเพชร อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ราชอาณาจักรไทย และช่องจุ๊บโกกี อำเภอบันเตียอัมปึล จังหวัดอุดรมีชัย ราชอาณาจักรกัมพูชา ให้เป็นจุดผ่านแดนถาวร เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในพื้นที่ เนื่องจากปัจจุบัน จุดผ่อนปรนทางการค้า ได้อนุญาตเฉพาะประชาชนอำเภอบ้านกรวด กับประชาชนชาวกัมพูชา ที่สามารถข้ามแดนเพื่อติดต่อ ซื้อขาย แลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างกันสัปดาห์ละ 5 วัน เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังโควิด-19
ซึ่งในกรณีนี้ นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ เปิดเผยว่า แผนการพัฒนาจุดผ่อนปรนการค้าเป็นจุดผ่านแดนถาวรนั้น อยู่ในแผนการพัฒนาจังหวัดแล้ว เพียงแต่รอกระบวนการเพิกถอนพื้นที่บางส่วนของอุทยานแห่งชาติตาพระยา ซึ่งจะต้องเป็นไปตามขั้นตอน ทั้งนี้ยืนยันว่าจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมส่งเสริมการค้าชายแดนอย่างต่อเนื่อง หากสามารถยกระดับจุดผ่อนปรนการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา “ช่องสายตะกู” ให้เป็นจุดผ่านแดนถาวร และพัฒนาอาคารสนามบินได้สำเร็จจะเป็นผลดีต่อจังหวัด เพราะนักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศกัมพูชา สามารถเดินทางเข้ามาเที่ยวต่อในจังหวัดบุรีรัมย์ได้ ผ่านจุดผ่านแดนถาวร และสามารถมาเที่ยวปราสาทหินพนมรุ้ง ดูฟุตบอล ดูการแข่งรถ รวมถึงสถานที่อื่น ๆ ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวัดให้ดีขึ้น ทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มมากขึ้น
ทางด้าน นายแปน โกะซอล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย ราชอาณาจักรกัมพูชา กล่าวว่า ฝ่ายกัมพูชามีความพร้อมเป็นอย่างมาก ในการเป็นจุดผ่านแดนถาวร เพื่อที่พี่น้องประชาชนกินดีอยู่ดี ไปมาหาสู่กันได้ สร้างรายได้ พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน หากการพัฒนาเป็นผลสำเร็จ จะทำให้จังหวัดบุรีรัมย์ มีเศรษฐกิจที่ดีขึ้นกว่าเดิม ส่วนการร่วมมือด้านความมั่นคง ทั้งการป้องกันการค้ามนุษย์ การลักลอบขนส่งแรงงานผิดกฎหมาย และการกระทำผิดด้านอื่น ๆ ทางกัมพูชาและประเทศไทยได้ลงนามความร่วมมือกับประเทศไทยก่อนหน้านี้แล้ว และพร้อมที่จะดำเนินการอย่างเข้มข้น
(จุดาพร จันทรมาศ/บุรีรัมย์/)