พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการปฏิรูปงานความมั่นคง ครั้งที่ 2 โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุม โดยได้มีการชี้แจงความคืบหน้า 4 ด้าน ที่ คณะอนุกรรมการฯ รับผิดชอบ ได้แก่ การจัดทำฐานข้อมูลด้านความมั่นคง ที่มีความคืบหน้าไปมาก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ หรือ MOU กับ 27 หน่วยงาน เพื่อนำเอาข้อมูลของแต่ละหน่วยงานมาใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์ด้านภัยคุกคาม โดยให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอี เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการเชื่อมโยงข้อมูลผ่านแอพพลิเคชั่น
ขณะที่การพิจารณา แผนแม่บทโครงสร้างของกระทรวงกลาโหมนั้น ขณะนี้คืบหน้าในส่วนงานวิจัยและพัฒนา รวมถึงอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ ซึ่งจะต้องใช้ทั้งทหารและพลเรือน ให้เป็นประโยชน์ในการวิจัยและพัฒนา ส่วนด้านการปฏิรูปตำรวจนั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้รายงานความคืบหน้าการปฏิรูปตำรวจ 6 ด้าน ซึ่งได้ลงมือปฏิบัติไปเกือบหมดแล้วและมีแนวทางชัดเจน โดยเชื่อว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ต่อคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจ ซึ่งจะนำเสนอไปยัง พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ประธานคณะกรรมการฯ ต่อไป
เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ยังกล่าวว่าที่ได้เห็นชอบแนวทางปฏิรูปสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ ซึ่งจะดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลกับ 17 หน่วยงาน ทั้งภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ ด้านข่าวสาร ข่าวกรอง เพื่อนำข้อมูลไปใช้วิเคราะห์ภัยคุกคามต่อประเทศชาติ ซึ่งจากนี้ จะนำเข้าสู่ที่ประชุมของคณะขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ 5 ที่มี พล.อ.ประวิตร เป็นประธาน ก่อนจะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อขอความเห็นชอบต่อไป
ทั้งนี้ พบเอกทวีป ยังเปิดเผยว่า ได้เสนอชื่อ นายสมเกียรติ ศรีประเสริฐ รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็น เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติคนใหม่แทนตนเอง ซึ่งจะเกษียณอายุราชการสิ้นเดือนกันยายนนี้ ส่วนการตัดสินใจขั้นสุดท้าย อยู่ที่ดุลยพินิจของผู้บังคับบัญชา และยังเผยว่าหลังเกษียณอายุราชการ อยากหาเวลาบวชในประเทศไทย ซึ่งเป็นความตั้งใจหนึ่งที่อยากใกล้ชิดพระพุทธศาสนา