"ประยุทธ์" ขึ้นปราศรัยใหญ่ รทสช.โคราช อ้อนมาเพราะ "คิดฮอต" เป็นลูกหลาน "ย่าโม" เลือดอีสานเต็มตัว ขอกาครบทั้ง 16 เขต ย้ำแคมเปญ "ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ" เปิดนโยบาย "บัตรสวัสดิการพลัส" ได้เดือนละ 1 พันบาท ให้ทุนเรียนฟรีวิชาชีพฟรี อำเภอละ 100 ทุน
เมื่อเวลา 18.35 น. วันที่ 25 ก.พ. 2566 ที่สนามหน้าศาลากลาง จ.นครราชสีมา พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จัดปราศรัยใหญ่ โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค ปราศรัยเป็นคนสุดท้าย พร้อมทำพิธี “ปักธงชัย ประกาศชัยชนะ” บนเวทีปราศรัย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า สวัสดี สบายดีบ่ สบายดีไหมพี่น้อง มาวันนี้ เพราะตนคิดฮอตหลายๆเด้อ คิดถึงมากๆ วันนี้ได้มีโอกาสมาพบชาวนครราชสีมาและหลายจังหวัดที่มาวันนี้ด้วย เราคือคนไทยด้วยกัน ดีใจที่วันนี้ได้มาพบกับพ่อแม่พี่น้อง เมื่อตอนเย็นได้สักการะท้าวสุรนารีแล้วถือว่าเป็นมงคลอย่างยิ่ง ตนก็ห้อยเหรียญของท่านอยู่ตลอดเวลาที่คอ ก็ถือว่าเป็นลูกหลานย่าโม อย่าทอดทิ้งตนนะ เพราะโคราชเป็นบ้านเกิดของตน ยืนยันตนเกิดที่นี่แน่นอน ใครจะบอกตนเกิดที่ไหนไม่ทราบ แต่ตนเกิดที่นี่เกิดในค่ายสุรนารี และคุณแม่เป็นคนชัยภูมิ ฉะนั้นเลือดอีสานเต็มตัว ซึ่งเลือดอยู่ในกายของตนตลอดเวลา
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คนอีสานขยันขันแข็งทุกคน ตนก็ได้เลือดอีสานนี่แหละ ที่อยู่กันมาถึงทุกวันนี้จะทำให้ดีที่สุดไม่ให้เสียชื่อคนอีสาน ประชาชนที่มารับในวันนี้ถือเป็นกำลังใจให้กับตนและคณะ พวกเราพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) มีกำลังใจที่จะทำเพื่อชาติบ้านเมือง ตนเกิดที่นี่ย้ายไปลพบุรีและไปอยู่กรุงเทพฯ และเป็นทหาร ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ตามตนเป็นลูกอีสานหลานย่าโมเสมอมา ยอมรับตนหรือเปล่า อย่าทอดทิ้งตนนะ เป็นลูกอีสาน คนอีสานเป็นนักสู้ สำหรับชาวอีสานของเราจังหวัดเราถือเป็นประตูสู่ภาคอีสาน สำคัญตรงนี้เพราะไปประตูสู่ภาคอีสาน ไม่ได้มาโคราชนานแล้ว มาวันนี้มาเห็น ก็เจริญไปมาก ตนตื้นตันใจจริงๆกับพวกท่านที่ให้ความรัก ความปรารถนาดีที่ให้กับตน และตนก็มีให้ท่านตอบสนองเป็นร้อย ตนมีใจเดียว แต่รักทุกคน รักโคราชรับชาวอีสาน หัวใจตนยิ่งใหญ่พอสำหรับคน 70 ล้านคนเรา ต้องทำให้เขา เพราะเราคือประเทศไทย วันหน้าจะเชื่อมต่อกรุงเทพฯภาคกลาง ภาคอีสานและเชื่อมต่อไปประเทศเพื่อนบ้านไปถึงประเทศจีน โดยใช้งบประมาณของเราเองไม่ได้ไปสัมปทานกับต่างประเทศ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ปัญหาที่หนักอกหนักใจตนตลอดมาคือทำอย่างไรให้เกษตรกรลืมตาอ้าปากได้มากขึ้นยอมรับว่าปัญหายังแก้ไม่ได้ทั้งกระบวนการ ถ้าเป็นไปได้จาก 700 จะเพิ่มเป็น 2,000 บาทดีหรือไม่ อันนี้ตนพูดได้เพราะรู้ว่างบประมาณจะต้องบริหารความเป็นไปได้อย่างไรอยากจะเพิ่มให้จริงๆเป็นเรื่องที่จะทำต่อให้ ส่วนราคาสินค้าการเกษตร ก็จะทำให้ดีขึ้นประกันอย่างเดียวจะไปไม่ได้ต้องหาวิธีการลดต้นทุน ซึ่งวันนี้เรามีเกษตรกรมาก ซึ่งเราต้องดูแลผู้มีรายได้น้อยไม่ใช่ให้ใครมาดูถูกคำว่ามีรายได้น้อย ส่วนเรื่องบัตรสวัสดิการของรัฐ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายกฯ กล่าวถึงบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปรากฎว่าประชาชนตะโกนให้ใช้ชื่อ “บัตรลุงตู่” นายกฯกล่าวขอบคุณ จะทำให้ดีที่สุด ถ้าให้ดีจะเพิ่มเป็น 1,000 บาท ซึ่งก็ต้องดูงบประมาณ ถ้าพูดแล้วไม่รับผิดชอบก็ลำบากจะทำให้มีปัญหาตรงอื่นด้วย
ช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอบคุณพี่น้องชาวจังหวัดนครราชสีมา คนโคราช หมี่โคราชอร่อยมาก ภาษาอีสานเรียกว่าแซ่บหลาย ตอนนี้หลายภาษามั่วไปหมด แต่หัวใจนายกฯอยู่กับทุกคนในประเทศนี้ ผมเตรียมคำพูดมาเยอะ ภาคอีสานเขาเรียกข่อย สนุกมากแปลว่าม่วนหลาย คำว่าพูด แปลว่าว่าว คำว่าอร่อยแปลว่าแซ่บ ทำงาน แปลว่าเฮ็ด ก็พยายามจะรื้อฟื้นคำเก่าๆมาเพราะเราคือชาวอีสาน ลูกอีสาน หลานย่าโม ประเทศไทยมีอะไรดีหลายอย่าง ข้อสำคัญวันนี้ถ้าเราพัฒนาความรู้เพิ่มเติม ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงรอนายกฯแล้วกัน
"ผมจะทำให้ดี รับประกันว่าจะทำให้ต่อเนื่อง ถ้าเราได้อยู่ วันนี้ตื่นเต้นมาบ้านเกิดและคนมาเยอะแยะ ตั้งใจจะพูดเยอะแยะ แต่ไม่ไหวแล้วมันเต็มตื้น สู้ต่อไปโคราชสู้ต่อไป สู้ไปด้วยกัน อย่าลืมรวมไทยสร้างชาติ เด้ออ อย่าลืมเด้อ ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ ให้ทุกอย่างดีขึ้น อย่าลืมอย่าทิ้งรวมไทยสร้างชาติ 16 เขตเหมาหมด อยู่ที่พวกเราจะกี่ใบ รวมกันสร้างชาติ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรานงานว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้เปิดนโยบาย “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” โดยเปิดนโยบายใหม่“สิทธิบัตรสวัสดิการพลัส”เป็น 1,000 บาทต่อเดือน เริ่มจากกลุ่มรายได้น้อย นอกจากนี้ยังมี การปรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจากแบบขั้นบันได (อายุ 60 ได้เดือนละ 600 บาท / อายุ 70 ได้ 700 / อายุ 80 ได้ 800 ) เป็นให้เท่ากันทุกช่วงอายุ คนละ 1,000 บาทต่อเดือน รวมถึงนโยยายดูแลผู้สูงวัย ด้วยการสร้างศูนย์สันทนาการ และนโยบายลดภาษีให้ผู้ประกอบการที่จ้างผู้สูงวัยทำงาน และนโยบายให้ทุนเรียนวิชาชีพ อำเภอละ 100 ทุน มีสถาบันกำเนิดศิลป์ ปั้น ศิลปินไทย สู่เวทีโลก
ขณะเดียวกันยังมีนโยบายคนละครึ่ง และนโยบายเที่ยวด้วยกัน ภาค 2 ทำต่อ และนโยบายสร้างระบบแพทย์ 24 ชั่วโมง ปรึกษาแพทย์ผ่านระบบแพทย์ทางไกล
ส่วนภาคแรงงาน และข้าราชการ ยามเดือดร้อน เบิกส่วนประกันตน 30%มาใช้ก่อนได้ ส่วนอาชีพอิสระ เข้าระบบประกันสังคม ถ้วนหน้า พร้อมกันนี้มีนโยบายตั้งกองทุนพยุงราคาสินค้าเกษตร ราคาข้าว ราคายาง เพื่อช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ ทำให้ระบบเศรษฐกิจมีเงินหมุนเวียน รวมถึงเพิ่มเงินสนับสนุนต้นทุนปลูกข้าว จากที่เคยได้ไร่ละ 700 บาท เป็นไร่ละ 2,000 บาท ครอบครัวละ 5 ไร่ เพื่อให้ทันกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีนโยบายปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ หรือที่เรียกว่า “One map” เพื่อแก้ปัญหาที่ดินทับซ้อนยืดเยื้อ โดยเริ่มจาก 11 จังหวัดภาคกลาง และจะดำเนินการให้เสร็จภายใน 1 ปี รวมถึงนโยบายแก้กฎหมายเกี่ยวกับที่ดินทั้งหลาย เพื่อให้ประชาชนที่ไม่มีเอกสารสิทธิ หรือมีที่ดินทับซ้อนกับที่ดินของรัฐ ได้มีสิทธิครอบครอง มีสิทธิทำกิน นอกจากนี้ยังมี นโยบายโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย การตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC และระเบียงเศรษฐกิจใหม่ 4 ภาค ศูนย์กลางสำนักงานภูมิภาค การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล การสร้างความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ เพื่อรองรับสิ่งที่จะทำต่อ คือ การสร้างรายได้เข้าประเทศ