นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.เปิดเผยว่า ภายหลังการเลือกตั้ง กทม. มีแนวคิดหลายเรื่องเตรียมเสนอให้รัฐบาลชุดใหม่รับพิจารณาเป็นนโยบาย เพื่อแก้ปัญหาด้านต่างๆ โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม ฝุ่น PM 2.5 ซึ่งมีแนวคิดในการย้ายท่าเรือคลองเตยออกจากกรุงเทพฯ แต่ กทม.ไม่มีอำนาจในเรื่องนี้
“ปัจจุบันมีคอนเทนเนอร์เข้ามาที่ท่าเรือคลองเตย 1 ล้านตู้ต่อปี รถบรรทุกไป-กลับ 2 ล้านเที่ยวต่อปี ทำให้การจราจรติดขัด ถนนพังเสียหาย ถ้าย้ายท่าเรือคลองเตยไปได้ จะทำให้จำนวนรถบรรทุกที่เข้า-ออกขนย้ายคอนเทนเนอร์ลดง เชื่อว่าจะลดแหล่งกำเนิดฝุ่น PM 2.5 ได้พอสมควร หากย้ายท่าเรือคลองเตย คงต้องย้ายไปแหลมฉบัง ซึ่งท่าเรือน่าจะมีแผนอยู่แล้ว เราพูดในหลักการ คงต้องไปดูในรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ” นายชัชชาติกล่าว
นายชัชชาติกล่าวต่อว่า ในฐานะของเมืองจากที่ไปประชุมมาหลายๆ เมือง ไม่มีท่าเรือใหญ่ย้ายออกหมดแล้ว ถ้าย้ายได้ก็จะทำให้มีพื้นที่เพิ่มขึ้นอีก 2,000 ไร่ รัฐบาลสามารถทำสวน ทำที่อยู่อาศัยให้ผู้มีรายได้น้อย ทำสถานที่ราชการ ลดความแออัดของชุมชนแออัด
“อนาคตที่เรากังวลกันมากๆ คือเรื่องน้ำท่วมกรุงเทพฯ หากเป็นไปได้อาจต้องทำอะไรที่ปิดกั้นน้ำทะเลหนุนที่แม่น้ำเจ้าพระยา หากยังมีเรือใหญ่ผ่านเข้าออกก็จะทำได้ยาก ซึ่งต้องดูในภาพรวม บางเรื่อง กทม.ทำเองไม่ได้ ก็อาจจะต้องศึกษาร่วมกัน เป็นเรื่องดีที่ กทม.อาจเสนอไปว่ามีเรื่องใดบ้างที่ทำร่วมกันได้” นายชัชชาติชี้
นายชัชชาติกล่าวถึงการประชุมคณะผู้บริหารว่า ศูนย์ปฏิบัติการติดตามการต่อต้านการทุจริตของกรุงเทพมหานคร ได้รายงานผลดำเนินการตั้งแต่ปี 2564-2566 มีจำนวน 390 เรื่อง ปัญหาการทุจริตได้มีนโยบายให้ทำโปร่งใส ยุติธรรมและสื่อสารคนในองค์กรทราบว่าเราทำจริงจัง
ด้าน นายเฉลิมพล โชตินุชิต รองปลัด กทม. กล่าวถึงกรณีการทุจริตเรียกรับผลประโยชน์แลกกับตำแหน่งพนักงานขับรถเก็บขนขยะ เขตลาดพร้าวว่า นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกทม.ได้มีคำสั่งให้เจ้าตัวเข้ามาช่วยราชการที่ส่วนกลาง และตั้งคณะกรรมการสอบทางวินัย ส่วนเรื่องอาญา ทางศูนย์ปฏิบัติการติดตามการต่อต้านการทุจริต กทม. จะเดินหน้าต่อไป