วันนี้ 4 มี.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อาจารย์ ดร.จุฑามาส แก้วสุข หัวหน้าสาขาวิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมและการจัดการภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี ได้กล่าวถึง ปัญหาขยะในพื้นที่ ของจังหวัดกาญจนบุรี ที่เกิดการสะสมของปริมาณขยะที่เพิ่มมากขึ้น และยังไม่สามารถบริหารจัดการขยะเหล่านั้นได้อย่างยั่งยืน ลำดับแรก คือ สิ่งที่ประชาชนจะร่วมช่วยกัน คือเริ่มต้นที่ตัวเราก่อน
“ขยะ”อาจจะเป็นคำที่ไม่น่าสนใจ ไม่น่าต้องใส่ใจ แค่โยนใส่ถังก็น่าจะจบ ขยะชิ้นต่อไปก็ใส่ถังไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็มีเจ้าหน้าที่มาเก็บ บ้านเราก็สะอาดเหมือนเดิม ไม่เห็นต้องมีอะไรให้กังวล คุณคิดแบบนี้ใช่หรือไม่? เคยสงสัยหรือไม่ว่าขยะที่ถูกเก็บไปนั้น มีที่หมายปลายทางอย่างไร ?? การทิ้งลงถังแล้วขยะก็ถูกขนส่งออกไปจากบ้านเรานั้น ปัญหามันจบแค่นั้นหรือไม่ ความจริงที่น่ากังวลของผู้คนเกือบจะทุกจังหวัดในประเทศไทย ก็คือขยะที่เราทิ้งไปนั้นมันถูกนำไปกองไว้เป็นภูเขาลูกโต บางแห่งเริ่มทับถมกันมานานนับ 20 ปีที่ไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรได้หมด
การเห็นขยะกองโตว่าเป็นปัญหาแล้ว หากคิดให้ลึกซึ้งถึงพฤติกรรมการทิ้งขยะของเรานั้น เราจะพบว่าเราทิ้งทุกอย่างลงถังเดียวกัน ทั้งขยะเปียก ขยะแห้ง หรือแม้แต่ขยะที่มีสารพิษอย่างถ่านไฟฉาย เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ใช้แล้ว หลอดไฟ ขวดใส่น้ำยาที่มีฤทธิ์กัดกร่อนต่างๆ ถึงแม้จะมีการรณรงค์จากส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่การให้ความร่วมมือของประชาชนก็มีเพียงแค่บางส่วนเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเราทิ้งทุกอย่างให้กับรถเก็บขยะ ระบบการแยกขยะที่ปลายทางนั้น บางแห่งก็มีเพียงพนักงานท้ายรถขนขยะเท่านั้นที่อาจทำการแยกขยะ ซึ่งก็คัดแยกเพียงแค่ขยะ บางชนิดที่ขายได้เท่านั้นเอง
และหลังจากนั้น ขยะส่วนใหญ่ทั้งที่มีพิษและไม่มีพิษจะไปรวมกองกันอยู่บนภูเขาลูกนี้ และเกิดเป็นน้ำสีน้ำตาลๆ ดำๆ มีกลิ่นเหม็นรุนแรงไหลออกมาสู่พื้นดิน ซึ่งปลายทางของน้ำเหล่านี้ก็คือลงสู่ชั้นใต้ดิน และอาจจะลงสู่แม่น้ำ ลำคลอง หากอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง จากการศึกษาวิจัยพบว่า บางแห่ง มีร่องรอยของการกระจายตัวของสารพิษจากกองขยะสู่น้ำใต้ดินชั้นตื้นและพื้นที่โดยรอบ ซึ่งมีพื้นที่เกษตรรวมอยู่ด้วย จะเห็นได้ว่าขยะที่เราทิ้งลงถังนั้น ได้ย้อนกลับมาหาเราในรูปแบบอื่น ในรูปแบบของสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษ หากหน่วยงานผู้รับผิดชอบในพื้นที่ไม่ทำอะไรเลย ขยะของโตนี้จะใหญ่โตมากขึ้น สะสมสารพิษมากขึ้น มีหลายกองมากขึ้น เหมือนเป็นระเบิดเวลา เหมือนเป็นภัยมืดที่คืบคลานเข้ามารบกวนคุณภาพชีวิตของเรา ซึ่งมีแนวโน้มที่จะรุนแรงและแก้ไขยากขึ้นเรื่อยๆ
กล่าวมาถึงตรงนี้คงต้องเข้าเรื่องชักชวนทุกคนให้จัดการขยะที่ตัวเรา อาจจะต้องเริ่มจากการที่ชวนให้ทุกคนเห็นความสำคัญของตัวเอง ตัวเรานั้นมีอำนาจในการกำหนดจุดหมายปลายทางของขยะในมือเราเป็นอย่างมาก เช่น หากเราซื้อน้ำดื่มมา 1 ขวด เราจะกลายเป็นผู้กุมชะตาชีวิตน้ำขวดนี้ทันทีเมื่อเราดื่มน้ำเสร็จแล้ว เราจะมีทางเลือกคือ 1) ให้ขวดน้ำนี้ไปจบชีวิตบนภูเขากองโต หรือ 2) ต่อชีวิตให้ขวดน้ำนี้โดยส่งไปที่โรงงานรีไซเคิล เพื่อได้มีโอกาสเกิดใหม่เป็นเม็ดพลาสติก หรืออาจมาเป็นเสื้อผ้าขายในร้านค้าต่อไป ซึ่งการกำหนดชะตาชีวิตขวดน้ำในครั้งนี้เกิดขึ้นตอนที่เรากำลังจะทิ้งขวดลงถังซึ่งหากเราทิ้งลงถังที่เส้นทางคือรถเก็บขยะ แน่นอนว่าปลายทางคือภูเขาขยะกองโต แต่ถ้าเราทิ้งลงถังที่ปลายทางคือร้านรับซื้อขยะรีไซเคิล รับรองได้เลยว่าชีวิตน้อยๆ ของขวดน้ำนี้สดใสกลายเป็นเสื้อผ้าให้เราได้ซื้อมาใส่อย่างแน่นอน แถมยังสร้างงาน สร้างเงิน และไม่เป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
ด้วยปัญหาที่เกิดขึ้นกับสถานที่จัดการขยะ ที่ปัจจุบันต้องปิดรับขยะ ทำให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเก็บขยะ ที่ต้องนำขยะไปทิ้ง ไม่มีที่ทิ้งขยะ จึงไม่สามารถรับขยะ จากอาคารบ้านเรือน ในชุมชนได้ เป็นเหตุการณ์ที่เราต้องใช้อำนาจที่เรามีในการกำหนดชะตาชีวิตของขยะทุกชิ้นที่เราผลิตขึ้น เพื่อจัดการกับวิกฤติในครั้งนี้ การบริหารอำนาจของเรานั้นต้องมีลำดับขั้นตอนที่ถูกต้อง ชีวิตของเราก็จะง่ายขึ้นมาก แค่ 3 ขั้นตอน คือ
1.อำนาจในการตัดสินใจก่อนซื้อของ ให้สังเกตุว่าเมื่อมันกลายเป็นขยะมันจัดการยากไหม เช่น ย่อยสลายตามธรรมชาติได้ไหม ขายได้ไหม เป็นต้น
2.อำนาจในการบริหารจัดการ เตรียมถังขยะให้ครบทุกประเภทขยะที่ต้องการแยก โดยแนะนำให้มีทั้งหมด 5 ถัง ดังนี้ A.ถังขยะที่ขายได้ (กระดาษ พลาสติก PET พลาสติกขุ่น อะลูมิเนียม เหล็ก แก้ว) อันนี้แต่ละพื้นที่จะไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับร้านรับซื้อขยะ B.ขยะอันตราย C.ขยะติดเชื้อ D.ขยะเปียก และ E.ขยะที่ขายไม่ได้ (ขยะกำพร้า)
3.อำนาจในการทิ้งขยะให้ตรงถัง และส่งต่อชะตาชีวิตขยะให้ถูกที่ ดังนี้ (ภาพประกอบ : ทิ้งขยะตรงถัง ส่งต่อขยะให้ถูกที่ ) ง่ายๆ แค่ 3 ขั้นตอน เราก็จะสามารถกำหนดชะตาชีวิตของขยะที่เราสร้างขึ้น โดยไม่ต้องกังวลกับภูเขาขยะกองโตอีกต่อไป เรามาร่วมกันจัดการขยะที่ตัวเรา ลดมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม และเราจะผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน ด้วยการสร้างมาตรฐานใหม่ในการจัดการขยะที่ต้นทาง ด้วยพลังของชุมชน
ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี มีการรณรงค์เชิญชวน ให้บุคลากรและนักศึกษา เริ่มต้นการจัดการขยะด้วยตัวเอง เพื่อให้เกิดพฤติกรรม ในการปฏิบัติต่อขยะ 1 ชิ้น อย่างถูกต้อง ช่วยลดปัญหาขยะในมหาวิทยาลัยได้ อย่างยั่งยืน หากชุมชน หรือหน่วยงานต่าง ๆ ที่ต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ หลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมและการจัดการภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี โทรศัพท์ 034 585058”อาจารย์ ดร.จุฑามาส แก้วสุข หัวหน้าสาขาวิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมและการจัดการภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี กล่าว
ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์ - รายงาน