จากกรณี เพจเฟซบุ๊ก ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน เปิดเผยข้อมูลการจัดซื้อ ต้นทองอุไร ของจังหวัดพังงา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการปรับภูมิทัศน์คลองพังงา เมื่อปี 2565 หน้าศาลากลางจังหวัดพังงา ที่พบว่ามีการซื้อกันต้นละ 6,090.50 บาท ทั้งหมด 37 ต้น รวมเป็นเงิน 225,348.50 บาท
รวมทั้ง ชุดน้ำพุ พร้อมอุปกรณ์ครบวงจร มูลค่า 6,000,570 บาท โดยให้ข้อมูลว่า มีการเปิดทดสอบเพียง 3 วัน จากนั้นก็ไม่ได้มีการเปิดใช้ชุดน้ำพุดังกล่าวอีก
ล่าสุด นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา นำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง อาทิ โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพังงา คลังจังหวัด ตรวจสอบภายในจังหวัดพังงา ลงพื้นที่บริเวณคลองระบายน้ำ ริมถนนหน้าศูนย์ราชการจังหวัดพังงา จวนผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา และอนุสาวรีย์สามพระยา สายพังงา-ทับปุด หมู่ 3 ตำบลถ้ำน้ำผุด อำเภอเมืองพังงา
โดยพบว่า ในพื้นที่ ปลูกต้นทองอุไร รอบคลองระบายน้ำ แต่ละต้นมีขนาดไม่เท่ากัน มีตั้งแต่ 50 เซนติเมตร ไปจนถึง 2.5 เมตร บางต้นถูกหญ้าปกคลุมจนแทบมองไม่ออก ขณะที่จากการสำรวจร้านขายต้นไม้ในพื้นที่ พบว่า ราคาต้นทองอุไร ขนาดต้นไม่ถึง 1 เมตร มีขายในราคา 100 บาท ส่วนต้นขนาดใหญ่ ราคาอยู่ที่ 700-800 บาท
ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา เปิดเผยว่า ได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อกรณีที่เกิดขึ้น โดยกำหนดระยะเวลา 1 เดือน ก่อนสรุปผลว่า โครงการนี้มีความผิดปกติหรือไม่
ด้าน โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพังงา ชี้แจงว่า ในส่วนต้นทองอุไรทั้งหมด 37 ต้น มีการปลูกและเจริญเติบโตเพียง 6 ต้น ที่เหลืออีก 31 ต้น พบว่า ชำรุดหรือไม่เจริญเติบโต จึงได้ทำหนังสือแจ้งผู้รับเหมาไป 2 ครั้ง ในช่วงเดือนพฤศจิกายนและเดือนธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา แต่ยังไม่มาดำเนินการ ส่วนกรณีชุดน้ำพุ พบว่า ระดับน้ำในแอ่งน้ำอยู่ต่ำกว่าระดับมอเตอร์น้ำพุ จึงไม่สามารถดำเนินการได้ ไม่ได้เสียหายแต่อย่างใด
สำหรับชุดน้ำพุและการปลูกต้นทองอุไร เป็นส่วนหนึ่งของโครงการปรับภูมิทัศน์คลองพังงาของจังหวัดพังงา ซึ่งทั้งโครงการใช้งบประมาณกว่า 30 ล้านบาท มีการเสนอโครงการและก่อสร้าง ตามปีงบประมาณ 2564-2565 งบจังหวัดพังงา ประจำปี 2565 ซึ่งตรงกับช่วงที่ นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา