นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการปฏิรูปภาษี เปิดเผยว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี สั่งการให้เสนอแผนปฏิรูปภาษีทั้งหมดภายในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งจะมีรายละเอียดของภาษีต่างๆที่จะต้องดำเนินการภายในปีหน้า โดยจะกำหนดเวลาให้มีผลบังคับใช้ให้เหมาะสม เพื่อไม่ให้กระทบกับ ผู้ที่เกี่ยวข้อง และเศรษฐกิจ
ทั้งนี้สาระสำคัญที่จะเสนอจะมีการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ส่วนกรมสรรพสามิตจะจัดเก็บภาษีสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันจะมีการยกเลิกการจัดเก็บภาษีบางตัวที่ไม่จำเป็น เพื่อลดภาระการทำงานของเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้จะมีการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยจะปรับลดอัตราจัดเก็บจากสูงสุด 35% ให้ลดลง เพื่อจูงใจผู้เสียภาษีเข้ามาอยู่ในระบบ ป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษี นอกจากนี้ จะมีการเพิ่มค่าใช้จ่ายจากเดิม 40% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 6 หมื่นบาท ให้เพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม จะมีการพิจารณาอย่างเข้มงวดในการหักลดหย่อนภาษี โดยเฉพาะเรื่องการบริจาค ซึ่งจะพิจารณาว่าควรจะมีอยู่ต่อไปหรือไม่ หลังจากพบว่าไม่มีการบริจาคจริงแต่นำมาหักลดหย่อนภาษี ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ แต่หากจะให้มีการหักค่าบริจาคต่อไป กรมสรรพากรต้องตรวจสอบได้ว่าผู้นำมาขอลดหย่อนนั้นมีการบริจาคจริง
นอกจากนี้ การปฏิรูปภาษีจะเสนอให้ปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดเก็บโดยให้นิติบุคคลทำบัญชีเดียวเริ่มดำเนินการระบบใช้จ่ายผ่านอิเล็กทรอนิกส์(อี-เพย์เม้นท์) ให้สามารถหักการเสียภาษีได้ทันที รวมถึงการติดตามจัดเก็บภาษีจากการซื้อขายออนไลน์ ซึ่งทางกรมสรรพากรและกรมศุลกากรต้องร่วมมือกัน ในส่วนของกรมศุลกากร หาก สินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ต้องดูแลจัดเก็บภาษีนำเข้าให้ได้ ขณะที่กรมสรรพากรดูแลลูกค้าออนไลน์ในประเทศตรวจสอบ รายได้เพื่อจัดเก็บภาษีให้ถูกต้อง
นายสมชัย กล่าวอีกว่า แผนการปฏิรูปภาษีจะเสนอเรื่องการแก้ไขกฎหมายต่างๆ เพื่อการจัดเก็บภาษีมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งมีการดำเนินการไปแล้ว เช่น การแก้กฎหมายสรรพสามิตให้มีการเปลี่ยนแปลงการจัดเก็บภาษีที่ใช้จากราคาหน้าโรงงาน หรือสำแดงนำเข้า มาเป็น ราคาขายปลีก ด้านกรมศุลกากรมีการแก้กฎหมายเพื่อสนับสนุนการค้ามากขึ้น โดยจะมีการลดรางวัลสินบนและนำจับ
โดยแผนปฏิรูปภาษีจะยึด 4 ด้าน คือ ทำให้เกิดความ เป็นธรรมของผู้เสียภาษี เพิ่มขีดความสามารถของประเทศ ทำให้มีรายได้เพียงพอต่อการใช้จ่าย เพื่อรองรับเศรษฐกิจในอนาคต ที่จะต้องมีรายจ่ายจากด้านสังคม ทั้งการศึกษาและระบบสาธารณสุข ที่จะเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก
สำหรับรายได้ปีงบประมาณ 2559 วงเงิน 2.35 ล้านล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นรายได้จากภาษี 90% เชื่อว่าจะทำได้ตามเป้าหมาย ส่วนหนึ่งจะมีเงินจากการประมูล 4จี ประมาณ 8 หมื่นล้านบาท ที่จะส่งเข้าคลังมาเป็นรายได้แผ่นดินในปีงบประมาณนี้