ธ.ก.ส. จัดสินเชื่อ SME เสริมแกร่ง วงเงินรวม 30,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 หนุนผู้ประกอบการ SME ขับเคลื่อนการเติบโตระบบเศรษฐกิจทุกมิติ ชูต้นแบบบริษัท รากแก้ว ฟาร์มอโกร จำกัด ผู้ประกอบการหัวขบวนผู้เลี้ยงไก่ไข่และผลิตไข่ไก่ที่ยกระดับกระบวนการผลิต ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ด้วยการปรับใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีในการเลี้ยงไก่ไข่และเก็บไข่ รวมถึงมีการดำเนินงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตามหลัก BCG Model โดยมีระบบบริหารจัดการของเสีย นำมาผลิตพลังงานไฟฟ้าทดแทน เพื่อลดต้นทุนในการผลิตและนำมูลไก่ที่เหลือใช้ไปผลิตปุ๋ย เพื่อจำหน่ายให้กับเกษตรกรในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด
(วันนี้ 11 มีนาคม 2566) นายมานพ จินาไหม ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ลงพื้นที่เยี่ยมชมงานบริษัท รากแก้ว ฟาร์มอโกร จำกัด ของนายยงยุทธ แก้วรากมุก ที่ดำเนินธุรกิจด้านการเลี้ยงไก่ไข่ ผลิตและจัดจำหน่ายไข่ไก่ ในพื้นที่จังหวัดเชียงรายและจังหวัดใกล้เคียง เช่น เชียงใหม่ พะเยา ภายใต้แบรนด์ รากแก้วฟาร์ม มากว่า 30 ปี โดยมีกระบวนการเลี้ยงไก่ไข่ที่ใช้ระยะเวลา 480 วัน/รอบ ในระบบ EVAP (Evaporative Cooling System) ในโรงเรือนแบบปิด ทำให้สามารถควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น และน้ำให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานและมีประสิทธิภาพในการผลิต ปัจจุบันบริษัทฯ มีโรงเรือนเลี้ยงไก่ไข่ จำนวน 7 โรง ที่จุแม่ไก่ยืนกรงได้สูงสุด 265,000 ตัว และมีการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ในระบบการเลี้ยงและเก็บไข่ ได้แก่ เครื่องให้อาหารไก่อัตโนมัติ ซึ่งมีกำลังการผลิตสูงสุด 280 กรัม/นาที เครื่องเก็บไข่อัตโนมัติ กำลังการผลิต 6.88 เมตร/นาที เครื่องคัดไข่ กำลังการผลิตสูงสุด 1,000 แผง/ชั่วโมง และห้องเย็นเก็บไข่ โดยรากแก้วฟาร์ม ได้รับการรับรองมาตรฐานการปฏิบัติงานที่ดีสำหรับศูนย์รวบรวมไข่ จากกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (GMP) และการรับรองการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับฟาร์มไก่ไข่ (GAP)
ในด้านการดำเนินงานตามหลัก BCG Model เนื่องจากทางบริษัทฯ มีการใช้โรงเรือนในการเลี้ยงไก่ไข่แบบปิด จึงไม่มีปัญหาในเรื่องของกลิ่นไม่พึงประสงค์ ที่อาจส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่และสิ่งแวดล้อมในชุมชนใกล้เคียง และมีระบบบริหารจัดการของเสียที่เกิดจากกระบวนการผลิต โดยนำมูลไก่มาเปลี่ยนเป็นก๊าซชีวภาพ และนำมาผลิตไฟฟ้าเป็นพลังงานทดแทนใช้ภายในฟาร์ม เพื่อลดต้นทุนในการผลิตและเพิ่มศักยภาพในการใช้พลังงานทดแทน และ มูลไก่ที่เหลือจากการผลิตไฟฟ้าได้นำมาอบแห้งและผลิตเป็นปุ๋ย เพื่อจำหน่ายให้กับเกษตรกรในพื้นที่ใกล้เคียง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการจ้างแรงงานในพื้นที่ ซึ่งถือเป็นการสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนอีกด้วย
นายมานพ กล่าวเพิ่มเติมว่า ธ.ก.ส. พร้อมให้การสนับสนุนผู้ประกอบการด้านการเกษตรที่มีเป้าหมายในการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต รวมถึงการลงทุนที่ตอบโจทย์ในการดูแลสิ่งแวดล้อมตามหลัก BCG Model ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายมากขึ้นผ่านสินเชื่อเสริมแกร่ง SME เกษตร วงเงิน 30,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการหมุนเวียนหรือลงทุนในการประกอบธุรกิจ โดยสามารถติดต่อขอใช้บริการสินเชื่อได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ Call center 02 555 0555