ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตระหนักถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน จากภัยทุจริตทางการเงินมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จึงได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหา และออก 3 ชุดมาตรการจัดการภัยทุจริตทางการเงิน เพื่อกำหนดเป็นมาตรฐานขั้นต่ำที่ทุกสถาบันการเงินต้องปฏิบัติตาม เป็นมาตรฐานเดียวกัน ยกระดับความปลอดภัยในการทำธุรกรรมการเงินมากขึ้น
1.มาตรการปิดช่องทางมิจฉาชีพเข้าถึงประชาชน
ให้สถาบันการเงินงดส่งลิงก์ผ่าน SMS อีเมล /จำกัดจำนวนบัญชีผู้ใช้งาน mobile banking ของแต่ละธนาคารกับ 1 อุปกรณ์เท่านั้น
เพิ่มยืนยันตัวตนด้วยอัตลักษณ์ของลูกค้า หรือไบโอเมทริก เช่น สแกนใบหน้า ในกรณีที่ลูกค้าโอนเงินผ่าน mobile banking มากกว่า 50,000 บาทต่อรายการ
กำหนดเพดานวงเงินถอน/โอนสูงสุดต่อวันของลูกค้าปกติไม่เกิน 200,000 บาทต่อวัน ขณะที่กลุ่มเปราะบาง เช่นเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไม่เกิน 50,000 บาทต่อวัน
2. มาตรการตรวจจับและติดตามบัญชี หรือธุรกรรมต้องสงสัย
สถาบันการเงินจะต้องมีระบบตรวจจับและติดตามบัญชี หรือธุรกรรมต้องสงสัยแบบ near real-time เพื่อให้สามารถระงับธุรกรรมได้ทันที และจัดให้มีช่องทางแจ้งความออนไลน์
3. มาตรการตอบสนองและรับมือ เพื่อจัดการปัญหาให้ผู้เสียหายได้เร็วขึ้น
ให้สถาบันการเงินทุกแห่งต้องมีช่องทางติดต่อเร่งด่วน (hotline) ตลอด 24 ชั่วโมง แยกจากช่องทางให้บริการปกติ เพื่อให้ผู้ใช้บริการแจ้งเหตุได้โดยเร็ว
ซึ่งขณะนี้สถาบันการเงินต่าง ๆ ได้ดำเนินการในบางมาตรการแล้ว ส่วนการยืนยันตัวตนก่อนโอนเงิน จะเริ่มใช้ในเดือนมี.ค. 66 และจะต้องกำหนดให้แล้วเสร็จทุกแห่งภายในเดือนมิ.ย. 66