ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
การเมือง / การปกครอง ย้อนกลับ
ด่วน 'ยุบสภา' ประกาศราชกิจจาฯแล้ว เช็กวันเลือกตั้งใหม่
20 มี.ค. 2566

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวให้ไว้ ณ วันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖ ๖ เป็นปีที่ ๘ ในรัชกาลปัจจุบัน
         พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่าด้วยนายกรัฐมนตรีได้นำความกราบบังคมทูลฯ ว่า ตามที่สภาผู้แทนราษฎรได้ปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๖๒ และบัดนี้ได้ปิดสมัยประชุมสามัญประจำปีที่สี่อันเป็นปีสุดท้ายของอายุสภาผู้แทนราษฎรแล้ว
        สมควรยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่เป็นการเลือกตั้งทั่วไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย อันเป็นการคืนอำนาจการตัดสินใจทางการเมืองให้แก่ประชาชนโดยเร็วเพื่อให้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
        อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐๓ และมาตรา ๑๗๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้

       มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๖” มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ ให้ยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่ เป็นการเลือกตั้งทั่วไป
       มาตรา ๔ ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปในวันที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศกำหนดซึ่งต้องไม่น้อยกว่าสี่สิบห้าวันแต่ไม่เกินหกสิบวันนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ
       มาตรา ๕ ให้ประธานกรรมการการเลือกตั้งรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี

รายละเอียดความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบอย่างต่อเนื่อง

ประยุทธ์ยุบสภา

          ทั้งนี้ นายณัฐวุฒิ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชนและผู้เชี่ยวชาญรัฐธรรมนูญ ได้อธิบายและให้ความรู้ด้านกฎหมายแก่ประชาชนว่า กระบวนการตัดสินใจในการยุบสภา เป็นอํานาจของฝ่ายบริหาร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยเสนอเป็นพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรในการกระทํา ครั้งเดียวในเหตุการณ์เดียว

         หมายความว่า เหตุในการยุบสภา ในเหตุเดียวกัน รัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติ เหตุการณ์เอาไว้ ซึ่งมีหลายสาเหตุในการยุบสภา โดยพิจารณาถึงประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

          ยกตัวอย่าง เช่น ประกาศยุบสภา วันที่ 21 มีนาคม 2566 กกต.สามารถกําหนดวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 45 วัน แต่ไม่เกิน 60 วัน นับแต่วันยุบสภา โดยจะกําหนดในวันที่ 21พฤษภาคม 2566 ตรงกับวันอาทิตย์ก็ได้ ดังนั้น เกณฑ์ในการพิจารณาสังกัดพรรคการเมือง การยุบสภาจะต้องสังกัดพรรคการเมืองหนึ่งการเมืองใด ไม่น้อยกว่า 30 วัน นับถึงวันเลือกตั้ง ผู้สมัคร ส.ส.จะต้องสังกัดพรรคภายในวันที่ 21 เมษายน 2566 (ภายหลังวันสงกรานต์)

           ทั้งนี้ การประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎร รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ไม่ได้กําหนดให้นายกรัฐมนตรี ผู้นําฝ่ายบริหาร ประกาศเป็นทางการให้ประชาชนทราบล่วงหน้า เพราะเป็นดุลพินิจเด็ดขาดของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการตราพระราชกฤษฎีกายุบสภาและประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้ประชาชนทราบ 

การกําหนดวันเลือกตั้ง

           การยุบสภาและกําหนดวันเลือกตั้ง จะต้องสานสัมพันธ์กัน หมายความว่า รัฐธรรมนูญให้อํานาจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้อำนาจยุบสภาได้ ซึ่งจะต้องพิจารณาถึงตัวแปรในสนามการเลือกตั้งและ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี (พรรครวมไทยสร้างชาติ) ตามบัญชีรายชื่อบุคคลซึ่งพรรคการเมืองนั้น มีมติว่าจะเสนอให้สภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีต่อ กกต.ก่อนปิดวันสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 88 ด้วย ว่า พรรคการเมืองที่สังกัด มีความพร้อมในการสู้ศึกเลือกตั้งเพียงใด เพราะตัวแปรสําคัญ เงื่อนไขบังคับก่อน คือ จะต้องคว้าที่นั่ง ส.ส.ในสัดส่วนสภาไม่ น้อยกว่า 25 ที่นั่ง จึงจะมีโอกาสกลับมานั่งตําแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ การยุบสภา หาก พล.อ.ประยุทธ์ฯ ประกาศยุบสภาในวันที่ 21 มีนาคม 2566 ก่อนครบกําหนดอายุสภาในวันที่ 23 มีนาคม 2566

         ในอดีต ที่ผ่านมา สมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย เคยยุบสภาผู้แทนราษฎรใกล้ครบกําหนดวาระมาแล้ว ไม่เป็นเรื่องผิดปกติทางการเมือง หากยุบสภาในวันที่ 21 มีนาคม 2566 กกต.สามารถกําหนดวันเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 21 พฤษภาคม 2566 ได้ อันนี้ ผมคิดในใจดังๆให้ได้ยินถึง พล.อ.ประยุทธ์ฯ นายกรัฐมนตรี โดยทางการเมือง จะต้องชิงความได้เปรียบทางการเมือง ไม่มีเหตุผลความจําเป็นที่ กกต.จะกําหนดเลือกตั้งในวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 เพราะเป็นการกําหนดไว้ล่วงหน้าเฉพาะกรณีครบอายุสภาเท่านั้น 

ยุบสภาเลือกตั้งใหม่

         กรณีตามกระแสข่าว หาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศยุบสภาในวันที่ 20 มีนาคม 2566 และกระแสข่าว กกต.กําหนดวันเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคม ก็สามารถกระทําได้ โดยเฉพาะกรอบเวลาขยายออกไป ย่อมมีผลต่อการย้ายขั้วการเมืองของผู้สมัคร ส.ส.จะก่อให้เกิดพลังดูดซ้อนพลังดูด ประชาชนจะพบเห็นปรากฎการณ์ทางการเมือง นักการเมืองย้ายพรรค ย้ายขั้วการเมือง ที่ว่าพรรคการเมืองนั้น เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ลงเขตนั้น ลงเขตนี้ เปิดช่อง ให้ผู้สมัครย้ายพรรคได้ โดยมีกรอบระยะเวลาถึงวันที่ 21 เมษายน 2566 เป็นระยะเวลาภายหลังวัน สงกรานต์ ทําให้นักการเมืองระดับชาติ มีเวลาเตรียมตัว เตรียมความพร้อมในการย้ายพรรคตามอุดมการณ์ทางการเมืองมากขึ้น แต่หากยุบสภาวันที่ 20 มีนาคม 2566 และ กกต.กําหนดวันเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ผู้สมัครจะต้องสังกัดพรรคการเมืองภายในวันที่ 14 เมษายน 2566(ระยะเวลา 30 วันนับถึงวันเลือกตั้ง) ตรงนี้ พล.ประยุทธ์ฯ ชิงความได้เปรียบทางการเมือง ภายหลังยุบสภา ยังเป็นรัฐบาลรักษาการอยู่จนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้าทําหน้าที่ แม้จะมีข้อห้ามตามรัฐธรรมนูญบางประการก็ตาม 

          การกําหนดวันเลือกตั้ง เป็นอํานาจของใครระหว่างรัฐบาลกับ กกต. นาย ณัฐวุฒิ กล่าวว่า ในรัฐธรรมนูญ 2560 ฉบับปัจจุบัน ย่อมมีความแตกต่างจากรัฐธรรมนูญในอดีต โดยรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ให้อํานาจ กกต.กําหนดวันเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการทั่วไป เป็นดุลพินิจเด็ดขาดของ กกต.ซึ่งเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญไม่ได้ให้อํานาจรัฐบาลกําหนดวันเลือกตั้งเหมือนในอดีต ทั้งยังกําหนดเครื่องมือในการปราบปรามทุจริตการเลือกตั้ง โดยเพิ่มดาบแจกใบส้มและใบดํา จะเห็นได้จากการแจกใบดำเป็นการตัดสิทธิการเมืองตลอดชีพ ทั้งยังนําไปบัญญัติไว้ในหมวดที่ 4 ว่าด้วย ปปช.มาตรา 235 วรรคสี่ เป็นการยกระดับการปราบโกงการเลือกตั้ง แต่การ กําหนดวันเลือกตั้งทั่วไปตามที่รัฐธรรมนูญกําหนดไว้ให้อํานาจ กกต.จําต้องพิจารณาถึงความพร้อมทุกด้านและความเป็นมืออาชีพของ กกต.ด้วย อาทิ งบประมาณในการ จัดการเลือกตั้ง การแบ่งเขตเลือกตั้ง การประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง การจัดเตรียมบุคลากรคณะกรรมการ ประจําหน่วยเลือกตั้ง รวมถึงอุปกรณ์ และกําหนดสถานที่เลือกตั้ง ทั้งนี้ ในการสืบสวน การไต่สวนและวินิจฉัยชี้ขาด คดีเลือกตั้ง ส.ส.ตามระเบียบใหม่ จะต้องมีความพร้อม ไม่ว่าการสืบสวนการลงพื้นที่เป้าหมายการทุจริตการเลือกตั้ง การทํางานเชิงรุกของผู้ตรวจการเลือกตั้งประจําจังหวัด และคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ประจําจังหวัด เพื่อจัดการเลือกตั้งให้สุจริตและเที่ยงธรรมแก่ผู้สมัคร ส.ส.และทุกพรรคการเมืองด้วย

         ยกตัวอย่าง เช่น ประกาศยุบสภา วันที่ 21 มีนาคม 2566 กกต.สามารถกําหนดวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 45 วัน แต่ไม่เกิน 60 วัน นับแต่วันยุบสภา โดยจะกําหนดในวันที่ 21พฤษภาคม 2566 ตรงกับวันอาทิตย์ก็ได้ ดังนั้น เกณฑ์ในการพิจารณาสังกัดพรรคการเมือง การยุบสภาจะต้องสังกัดพรรคการเมืองหนึ่งการเมืองใด ไม่น้อยกว่า 30 วัน นับถึงวันเลือกตั้ง ผู้สมัคร ส.ส.จะต้องสังกัดพรรคภายในวันที่ 21 เมษายน 2566 (ภายหลังวันสงกรานต์)

         ทั้งนี้ การประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎร รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ไม่ได้กําหนดให้นายกรัฐมนตรี ผู้นําฝ่ายบริหาร ประกาศเป็นทางการให้ประชาชนทราบล่วงหน้า เพราะเป็นดุลพินิจเด็ดขาดของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการตราพระราชกฤษฎีกายุบสภาและประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้ประชาชนทราบ 

การกําหนดวันเลือกตั้ง

         การยุบสภาและกําหนดวันเลือกตั้ง จะต้องสานสัมพันธ์กัน หมายความว่า รัฐธรรมนูญให้อํานาจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้อำนาจยุบสภาได้ ซึ่งจะต้องพิจารณาถึงตัวแปรในสนามการเลือกตั้งและ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี (พรรครวมไทยสร้างชาติ) ตามบัญชีรายชื่อบุคคลซึ่งพรรคการเมืองนั้น มีมติว่าจะเสนอให้สภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีต่อ กกต.ก่อนปิดวันสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 88 ด้วย ว่า พรรคการเมืองที่สังกัด มีความพร้อมในการสู้ศึกเลือกตั้งเพียงใด เพราะตัวแปรสําคัญ เงื่อนไขบังคับก่อน คือ จะต้องคว้าที่นั่ง ส.ส.ในสัดส่วนสภาไม่ น้อยกว่า 25 ที่นั่ง จึงจะมีโอกาสกลับมานั่งตําแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ การยุบสภา หาก พล.อ.ประยุทธ์ฯ ประกาศยุบสภาในวันที่ 21 มีนาคม 2566 ก่อนครบกําหนดอายุสภาในวันที่ 23 มีนาคม 2566

         ในอดีต ที่ผ่านมา สมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย เคยยุบสภาผู้แทนราษฎรใกล้ครบกําหนดวาระมาแล้ว ไม่เป็นเรื่องผิดปกติทางการเมือง หากยุบสภาในวันที่ 21 มีนาคม 2566 กกต.สามารถกําหนดวันเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 21 พฤษภาคม 2566 ได้ อันนี้ ผมคิดในใจดังๆให้ได้ยินถึง พล.อ.ประยุทธ์ฯ นายกรัฐมนตรี โดยทางการเมือง จะต้องชิงความได้เปรียบทางการเมือง ไม่มีเหตุผลความจําเป็นที่ กกต.จะกําหนดเลือกตั้งในวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 เพราะเป็นการกําหนดไว้ล่วงหน้าเฉพาะกรณีครบอายุสภาเท่านั้น 

ยุบสภาเลือกตั้งใหม่

           กรณีตามกระแสข่าว หาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศยุบสภาในวันที่ 20 มีนาคม 2566 และกระแสข่าว กกต.กําหนดวันเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคม ก็สามารถกระทําได้ โดยเฉพาะกรอบเวลาขยายออกไป ย่อมมีผลต่อการย้ายขั้วการเมืองของผู้สมัคร ส.ส.จะก่อให้เกิดพลังดูดซ้อนพลังดูด ประชาชนจะพบเห็นปรากฎการณ์ทางการเมือง นักการเมืองย้ายพรรค ย้ายขั้วการเมือง ที่ว่าพรรคการเมืองนั้น เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ลงเขตนั้น ลงเขตนี้ เปิดช่อง ให้ผู้สมัครย้ายพรรคได้ โดยมีกรอบระยะเวลาถึงวันที่ 21 เมษายน 2566 เป็นระยะเวลาภายหลังวัน สงกรานต์ ทําให้นักการเมืองระดับชาติ มีเวลาเตรียมตัว เตรียมความพร้อมในการย้ายพรรคตามอุดมการณ์ทางการเมืองมากขึ้น แต่หากยุบสภาวันที่ 20 มีนาคม 2566 และ กกต.กําหนดวันเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ผู้สมัครจะต้องสังกัดพรรคการเมืองภายในวันที่ 14 เมษายน 2566(ระยะเวลา 30 วันนับถึงวันเลือกตั้ง) ตรงนี้ พล.ประยุทธ์ฯ ชิงความได้เปรียบทางการเมือง ภายหลังยุบสภา ยังเป็นรัฐบาลรักษาการอยู่จนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้าทําหน้าที่ แม้จะมีข้อห้ามตามรัฐธรรมนูญบางประการก็ตาม 

           การกําหนดวันเลือกตั้ง เป็นอํานาจของใครระหว่างรัฐบาลกับ กกต. นาย ณัฐวุฒิ กล่าวว่า ในรัฐธรรมนูญ 2560 ฉบับปัจจุบัน ย่อมมีความแตกต่างจากรัฐธรรมนูญในอดีต โดยรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ให้อํานาจ กกต.กําหนดวันเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการทั่วไป เป็นดุลพินิจเด็ดขาดของ กกต.ซึ่งเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญไม่ได้ให้อํานาจรัฐบาลกําหนดวันเลือกตั้งเหมือนในอดีต ทั้งยังกําหนดเครื่องมือในการปราบปรามทุจริตการเลือกตั้ง โดยเพิ่มดาบแจกใบส้มและใบดํา จะเห็นได้จากการแจกใบดำเป็นการตัดสิทธิการเมืองตลอดชีพ ทั้งยังนําไปบัญญัติไว้ในหมวดที่ 4 ว่าด้วย ปปช.มาตรา 235 วรรคสี่ เป็นการยกระดับการปราบโกงการเลือกตั้ง แต่การ กําหนดวันเลือกตั้งทั่วไปตามที่รัฐธรรมนูญกําหนดไว้ให้อํานาจ กกต.จําต้องพิจารณาถึงความพร้อมทุกด้านและความเป็นมืออาชีพของ กกต.ด้วย อาทิ งบประมาณในการ จัดการเลือกตั้ง การแบ่งเขตเลือกตั้ง การประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง การจัดเตรียมบุคลากรคณะกรรมการ ประจําหน่วยเลือกตั้ง รวมถึงอุปกรณ์ และกําหนดสถานที่เลือกตั้ง ทั้งนี้ ในการสืบสวน การไต่สวนและวินิจฉัยชี้ขาด คดีเลือกตั้ง ส.ส.ตามระเบียบใหม่ จะต้องมีความพร้อม ไม่ว่าการสืบสวนการลงพื้นที่เป้าหมายการทุจริตการเลือกตั้ง การทํางานเชิงรุกของผู้ตรวจการเลือกตั้งประจําจังหวัด และคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ประจําจังหวัด เพื่อจัดการเลือกตั้งให้สุจริตและเที่ยงธรรมแก่ผู้สมัคร ส.ส.และทุกพรรคการเมืองด้วย

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...