ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
ธรรมาภิบาล ย้อนกลับ
ประธานศาลฎีกา มอบรางวัลศาลดีเด่น
25 มี.ค. 2566

“โชติวัฒน์”ประธานศาลฎีกา มอบรางวัลศาลดีเด่น  เชื่อนำพาองค์กรศาลยุติธรรมพัฒนาต่อยอดขีดความสามารถ  และเป็นแรงผลักดันให้บุคลากรมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่ ตามนโยบาย “รักศาล ร่วมใจ รับใช้ประชาชน”
        ที่สถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (23 มี.ค.) นายโชติวัฒน์  เหลืองประเสริฐ ประธานศาลฎีกา เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล โครงการจัดประกวดคัดเลือกศาลดีเด่นเพื่อประชาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ครั้งที่ 1 โดยมีนายธีรศักดิ์ เงยวิจิตร เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เป็นผู้กล่าวรายงาน และมีผู้บริหารและผู้พิพากษาตัวแทนจากศาลต่างๆ ทั่วประเทศมาร่วมพิธีมอบรางวัลศาลดีเด่น
นายโชติวัฒน์ ประธานศาลฎีกา กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับศาลที่ได้รับรางวัล และขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมแรงร่วมใจกันทำงานจนเกิดผลสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรม เชื่อว่าผลงานจากความทุ่มเทในครั้งนี้จะนำพาให้องค์กรศาลยุติธรรมได้พัฒนาต่อยอดเพิ่มขีดความสามารถและเป็นแรงผลักดันให้บุคลากรทุกคนมีความมุ่งมั่นในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติอย่างเต็มกำลัง สำหรับโครงการจัดประกวดคัดเลือกศาลดีเด่นเพื่อประชาชนนี้ จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนศาลยุติธรรมทั่วประเทศให้ตระหนักถึงความสำคัญของการบริหารจัดการคดีอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถดำเนินการแล้วเสร็จภายในมาตรฐานระยะเวลาที่กำหนด พัฒนาระบบงานให้ประชาชนเข้าถึงบริการของศาลยุติธรรมได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และประหยัดในทุกมิติภายในความเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ยึดถือความต้องการของประชาชนศูนย์กลาง
นายโชติวัฒน์ ประธานศาลฎีกา กล่าวอีกว่า หลังจากที่เข้ารับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 1 ต.ค.2565 ที่ผ่านมาได้กำหนดนโยบาย “รักศาล ร่วมใจ รับใช้ประชาชน” มาใช้ในการบริหารราชการศาลยุติธรรม โดยประชุมผู้บริหารศาลยุติธรรมทั่วประเทศมาประชุมเพื่อได้รู้และเข้าใจนโยบาย เพื่อนำไปถ่ายทอดให้บุคลากรของศาลแต่ละแห่ง  แต่การดำเนินการดังกล่าวเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เราทำ แต่เห็นว่ายังไม่สามารถไปสู่เป้าหมายแห่งความสำเร็จได้ จึงต้องออกตรวจราชการศาลต่างๆ ทั่วประเทศในทุกเดือน ให้เป็นไปตามเป้าหมายและนโยบายที่ให้ไว้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นศรัทธาให้กับประชาชน

อย่างไรตามสำหรับการจัดประกวดในครั้งนี้ได้ก็พิจารณาจากผลการดำเนินงานของศาลต่างๆ ตั้งแต่เดือนพ.ย.2565 –มี.ค.2566 ปรากฏว่าศาลที่ได้รับรางวัลและปรากาศเกียรติคุณ ทั้ง 5 กลุ่ม ประกอบด้วย
1.กลุ่มศาลจังหวัดในสังกัดสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 1-9  รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ ศาลจังหวัดตาก รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 ได้แก่ ศาลจังหวัดหนองคาย รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แต่ศาลจังหวัดเดชอุดม และรางวัลชมเชย ได้แก่ ศาลจังหวัดพัทลุง
2.กลุ่มศาลแขวงในสังกัดสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 1-9 รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ ศาลแขวงลพบุรี รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ได้ ศาลแขวงทุ่งสง รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 ได้แก่ ศาลแขวงเชียงราย และรางวัลชมเชย ได้แก่ศาลแขวงสุพรรณบุรี
3.กลุ่มศาลเยาวชนและครอบครัวในสังกัดสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาศาล ภาค 1-9
รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดมหาสารคาม รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสตูล รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดปัตตานี และรางวัลชมเชย ได้แก่ ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดอ่างทอง
4. กลุ่มศาลชั้นต้นในกรุงเทพมหานคร  รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ ศาลอาญาพระโขนง รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ ศาลอาญาธนบุรี รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ ศาลแพ่งตลิ่งชนะ และรางวัลชมเชย ได้แก่ ศาลาอาญาตลิ่งชัน
5 กลุ่มศาลพิเศษและศาลชำนัญพิเศษ
รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ ศาลล้มละลายกลาง รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ ศาลแรงงาน ภาค 4 รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 7 และรางวัลชมเชย ได้แก่ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ
ด้าน นายสรวิทย์ ลิมปรังษี โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวว่า การมอบรางวัลศาลดีเด่นในวันนี้ผ่านไปด้วยดี เพราะว่าเราให้ศาลแต่ละแห่งได้คิดนวัตกรรมแบบใหม่และหาวิธีการและแนวทางบริการประชาชน ให้มีความสะดวกรวดเร็วมากขึ้น รวมถึงการเร่งรัดบริหารจัดการคดี ที่ผ่านมาทำให้เกิดแรงกระตุ้นให้ศาลต่างปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ศาลที่ได้รับรางวัลทั้ง 5 กลุ่ม นั้นการจัดกลุ่มก็มีความแตกต่างกันตามประเภทของศาล เพราะลักษณะของคดีจะต่างกัน เช่น ศาลชำนัญพิเศษ ศาลอาญาคดีทุจริต ซึ่งจะให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการคดีมากกว่า ส่วนการที่ประธานศาลฎีกาได้ลงพื้นที่ไปตรวจราชการยังศาลต่างๆ ช่วยให้เกิดแรงกระตุ้นได้มาก เพราะก่อนที่ท่านจะลงพื้นที่ก็จะมีทีมงานไปศึกษาข้อมูลก่อน แล้วจะให้คำแนะนำว่าควรจะปรับปรุงอะไรบ้าง ก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลง เช่น การบริหารจัดการคดีเสร็จเร็วขึ้น ซึ่งมีสถิติตัวเลขที่ได้รวบรวมข้อมูลไว้อย่างชัดเจน

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 เมษายน 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...