“โชติวัฒน์”ประธานศาลฎีกา มอบรางวัลศาลดีเด่น เชื่อนำพาองค์กรศาลยุติธรรมพัฒนาต่อยอดขีดความสามารถ และเป็นแรงผลักดันให้บุคลากรมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่ ตามนโยบาย “รักศาล ร่วมใจ รับใช้ประชาชน”
ที่สถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (23 มี.ค.) นายโชติวัฒน์ เหลืองประเสริฐ ประธานศาลฎีกา เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล โครงการจัดประกวดคัดเลือกศาลดีเด่นเพื่อประชาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ครั้งที่ 1 โดยมีนายธีรศักดิ์ เงยวิจิตร เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เป็นผู้กล่าวรายงาน และมีผู้บริหารและผู้พิพากษาตัวแทนจากศาลต่างๆ ทั่วประเทศมาร่วมพิธีมอบรางวัลศาลดีเด่น
นายโชติวัฒน์ ประธานศาลฎีกา กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับศาลที่ได้รับรางวัล และขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมแรงร่วมใจกันทำงานจนเกิดผลสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรม เชื่อว่าผลงานจากความทุ่มเทในครั้งนี้จะนำพาให้องค์กรศาลยุติธรรมได้พัฒนาต่อยอดเพิ่มขีดความสามารถและเป็นแรงผลักดันให้บุคลากรทุกคนมีความมุ่งมั่นในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติอย่างเต็มกำลัง สำหรับโครงการจัดประกวดคัดเลือกศาลดีเด่นเพื่อประชาชนนี้ จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนศาลยุติธรรมทั่วประเทศให้ตระหนักถึงความสำคัญของการบริหารจัดการคดีอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถดำเนินการแล้วเสร็จภายในมาตรฐานระยะเวลาที่กำหนด พัฒนาระบบงานให้ประชาชนเข้าถึงบริการของศาลยุติธรรมได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และประหยัดในทุกมิติภายในความเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ยึดถือความต้องการของประชาชนศูนย์กลาง
นายโชติวัฒน์ ประธานศาลฎีกา กล่าวอีกว่า หลังจากที่เข้ารับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 1 ต.ค.2565 ที่ผ่านมาได้กำหนดนโยบาย “รักศาล ร่วมใจ รับใช้ประชาชน” มาใช้ในการบริหารราชการศาลยุติธรรม โดยประชุมผู้บริหารศาลยุติธรรมทั่วประเทศมาประชุมเพื่อได้รู้และเข้าใจนโยบาย เพื่อนำไปถ่ายทอดให้บุคลากรของศาลแต่ละแห่ง แต่การดำเนินการดังกล่าวเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เราทำ แต่เห็นว่ายังไม่สามารถไปสู่เป้าหมายแห่งความสำเร็จได้ จึงต้องออกตรวจราชการศาลต่างๆ ทั่วประเทศในทุกเดือน ให้เป็นไปตามเป้าหมายและนโยบายที่ให้ไว้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นศรัทธาให้กับประชาชน
อย่างไรตามสำหรับการจัดประกวดในครั้งนี้ได้ก็พิจารณาจากผลการดำเนินงานของศาลต่างๆ ตั้งแต่เดือนพ.ย.2565 –มี.ค.2566 ปรากฏว่าศาลที่ได้รับรางวัลและปรากาศเกียรติคุณ ทั้ง 5 กลุ่ม ประกอบด้วย
1.กลุ่มศาลจังหวัดในสังกัดสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 1-9 รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ ศาลจังหวัดตาก รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 ได้แก่ ศาลจังหวัดหนองคาย รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แต่ศาลจังหวัดเดชอุดม และรางวัลชมเชย ได้แก่ ศาลจังหวัดพัทลุง
2.กลุ่มศาลแขวงในสังกัดสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 1-9 รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ ศาลแขวงลพบุรี รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ได้ ศาลแขวงทุ่งสง รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 ได้แก่ ศาลแขวงเชียงราย และรางวัลชมเชย ได้แก่ศาลแขวงสุพรรณบุรี
3.กลุ่มศาลเยาวชนและครอบครัวในสังกัดสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาศาล ภาค 1-9
รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดมหาสารคาม รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสตูล รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดปัตตานี และรางวัลชมเชย ได้แก่ ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดอ่างทอง
4. กลุ่มศาลชั้นต้นในกรุงเทพมหานคร รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ ศาลอาญาพระโขนง รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ ศาลอาญาธนบุรี รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ ศาลแพ่งตลิ่งชนะ และรางวัลชมเชย ได้แก่ ศาลาอาญาตลิ่งชัน
5 กลุ่มศาลพิเศษและศาลชำนัญพิเศษ
รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ ศาลล้มละลายกลาง รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ ศาลแรงงาน ภาค 4 รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 7 และรางวัลชมเชย ได้แก่ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ
ด้าน นายสรวิทย์ ลิมปรังษี โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวว่า การมอบรางวัลศาลดีเด่นในวันนี้ผ่านไปด้วยดี เพราะว่าเราให้ศาลแต่ละแห่งได้คิดนวัตกรรมแบบใหม่และหาวิธีการและแนวทางบริการประชาชน ให้มีความสะดวกรวดเร็วมากขึ้น รวมถึงการเร่งรัดบริหารจัดการคดี ที่ผ่านมาทำให้เกิดแรงกระตุ้นให้ศาลต่างปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ศาลที่ได้รับรางวัลทั้ง 5 กลุ่ม นั้นการจัดกลุ่มก็มีความแตกต่างกันตามประเภทของศาล เพราะลักษณะของคดีจะต่างกัน เช่น ศาลชำนัญพิเศษ ศาลอาญาคดีทุจริต ซึ่งจะให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการคดีมากกว่า ส่วนการที่ประธานศาลฎีกาได้ลงพื้นที่ไปตรวจราชการยังศาลต่างๆ ช่วยให้เกิดแรงกระตุ้นได้มาก เพราะก่อนที่ท่านจะลงพื้นที่ก็จะมีทีมงานไปศึกษาข้อมูลก่อน แล้วจะให้คำแนะนำว่าควรจะปรับปรุงอะไรบ้าง ก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลง เช่น การบริหารจัดการคดีเสร็จเร็วขึ้น ซึ่งมีสถิติตัวเลขที่ได้รวบรวมข้อมูลไว้อย่างชัดเจน