ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
คุณภาพชีวิต ย้อนกลับ
สปส.รุกให้บริการรักษาโรคอันตรายช่วงหน้าร้อนทุกที่ฟรี
19 เม.ย. 2566

 นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เผยขณะนี้ประเทศไทย เข้าสู่สภาวะหน้าร้อน มีโรคอันตรายที่เกิดในฤดูร้อน เช่น อุจจาระร่วงเฉียบพลัน อาหารเป็นพิษ โรคบิด ไข้ไทฟอยด์ อหิวาตกโรค และโรคพิษสุนัขบ้า จึงขอเตือนผู้ประกันตนควรระมัดระวังรักษาสุขภาพให้แข็งแรง หากเกิดเจ็บป่วยสามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลที่ผู้ประกันตนเลือกไว้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่หากเจ็บป่วยฉุกเฉินไม่สามารถเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลที่เลือกไว้ได้ สามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุด หลังจากนั้นญาติหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง ต้องรีบแจ้งให้โรงพยาบาลที่ผู้ประกันตนเลือกไว้ทราบโดยด่วน เพื่อรับตัวไปรักษาต่อและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล โดยจะนับตั้งแต่เวลาที่โรงพยาบาลได้รับแจ้งไปจนกว่าจะสิ้นสุดการรักษา ส่วนค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นก่อนการแจ้งให้โรงพยาบาลที่ผู้ประกันตนเลือกไว้ทราบ สำนักงานประกันสังคมจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นใน 3 วันแรก (72 ชั่วโมง) ตามหลักเกณฑ์ และอัตราที่กำหนด ผู้ประกันตนที่สำรองจ่ายค่ารักษาไปก่อนสามารถเบิกคืนจากสำนักงานประกันสังคมได้ โดยนำหลักฐานมายื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทน คือ แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทน (สปส.2-01), ใบรับรองแพทย์, ใบเสร็จรับเงิน และสำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารหน้าแรกที่มีชื่อผู้ประกันตน           เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวแสดงความห่วงใยผู้ประกันตนพร้อมแนะวิธีดูแลสุขภาพรับมือหน้าร้อนว่า ในขณะที่ความร้อนจากแดดทำให้เสียเหงื่อ เสียพลังงาน ควรดื่มน้ำ ในปริมาณที่เพียงพอ ไม่ควรกินน้ำแข็งหรือดื่มน้ำเย็นจัด เพราะอุณหภูมิภายนอกสูงอยู่แล้ว เหงื่อไม่สามารถระบายออกมาได้ จะมีความร้อนสะสมอยู่ข้างในร่างกาย ทำให้ปวดศีรษะ หน้ามืด ไม่รู้สึกตัว ความดันต่ำ หัวใจเต้นเร็ว อาจทำให้เป็นโรคฮีทสโตรกได้ และที่สำคัญควรนอนพักผ่อนให้เพียงพอ ตอนเช้าเลือกทานอาหารอ่อนๆ เช่น ข้าวต้ม และผลไม้ หลีกเลี่ยงอาหารทอดๆ มันๆ แห้งๆ แค่นี้ฤดูร้อนก็จะเป็นฤดูกาลที่มีความสุข ถ้าผู้ประกันตนหันมาดูแลสุขภาพที่ถูกลักษณะและถูกวิธี

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 31 มีนาคม 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...