สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA เปิดเผยว่า ข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของวันที่ 21 เมษายน 2566 ไทยพบจุดความร้อน 1,215 จุด ในขณะที่จุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สปป.ลาว อยู่ที่ 3,571 จุด, พม่า 2,959 จุด, เวียดนาม 728 จุด, กัมพูชา 507 จุด และ มาเลเซีย 33 จุด ข้อมูลจากดาวเทียมระบุอีกว่า จุดความร้อนในประเทศไทยวานนี้พบในพื้นที่เกษตรมากที่สุด 336 จุด ตามด้วยพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 311 จุด, ป่าสงวนแห่งชาติ 299 จุด, พื้นที่เขต สปก. 130 จุด, พื้นที่ชุมชนอื่นๆ 123 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 16 จุด ในส่วนของจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุดคือ #เชียงใหม่ 90 จุด
ส่วนสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 เมื่อตรวจสอบจากแอปพลิเคชันเช็คฝุ่น เมื่อเวลา 09.00 น. ภาพรวมทั่วประเทศยังคงเกินค่ามาตรฐานและอยู่ในระดับสีส้มไปถึงสีแดงในหลายพื้นที่รวมเกือบ 60 จังหวัด โดยกระจายกันไปยังพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันตก และภาคกลาง โดยเฉพาะจังหวัดที่อยู่ระดับสีแดง 3 จังหวัด ได้แก่ #ลำพูน มีค่า PM2.5 มากที่สุด 97 ไมโครกรัม ตามด้วย #แม่ฮ่องสอน และ #เชียงใหม่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพ
ทั้งนี้ สถานการณ์ดังกล่าวประชาชนควรสวมหน้ากากอนามัย และงดกิจกรรมภายนอกอาคารสถานที่เพื่อป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจที่จะตามมา ในขณะที่กรุงเทพมหานคร คุณภาพอากาศภาพรวมอยู่ในระดับสีส้มที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะเขตบางบอน มีค่าฝุ่น PM2.5 อันดับหนึ่งอยู่ที่ 82.3 ไมโครกรัม
สิ่งหนึ่งที่ต้องเฝ้าระวังที่มักจะมากับเหตุการณ์ไฟป่าและจุดความร้อนคือ PM 2.5 สถานการณ์จุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลให้เกิด PM 2.5 ได้ในพื้นที่บริเวณชายแดนเนื่องจากได้รับอิทธิพลจากกระแสลมที่จะพัดผ่านเข้ามา ประกอบกับภูมิประเทศทางภาคเหนือของไทยมีลักษณะเป็นหุบเขาแอ่งกระทะ จึงมีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกับการพัดและการเคลื่อนตัวของกระแสลมในพื้นที่เป็นสำคัญ
ปัญหาไฟป่าหมอกควัน ส่งผลกระทบให้กับระบบต่างๆ ของประเทศมาโดยตลอด โดยเฉพาะระบบเศรษฐกิจ ระบบสังคม และสิ่งแวดล้อม ดังนั้น ในอนาคตอันใกล้นี้ ประเทศไทยกำลังจะได้ใช้ระบบ THEOS-2 อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่ง 1 ในภารกิจสำคัญของระบบนี้ คือการสำรวจ วิเคราะห์ และติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นหรือคาดว่าจะเกิดขึ้น ได้อย่างแม่นยำและทันท่วงที เพื่อการสนับสนุนข้อมูลสำคัญให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำข้อมูลไปใช้วางแผน ป้องกัน บรรเทา และแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม รายละเอียดข้อมูลเฉพาะพื้นที่ท่านสามารถติดตามจากหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบโดยตรง GISTDA ยังคงติดตามและรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้บริหารจัดการในพื้นที่
ทั้งนี้ สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://fire.gistda.or.th หรือ ติดตามข้อมูลจาก https://fire.gistda.or.th/dashboard.html และควรติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ผ่านแอปพลิเคชัน “#เช็คฝุ่น”