ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
ความสัมพันธ์ไทย - จีน และ เศรษฐกิจเพื่อนบ้าน ย้อนกลับ
เอกอัคราชทูตจีนร่วมสัมมนา จีนร่วมสมัยกับโลกการแลกเปลี่ยนระหว่างคนรุ่นใหม่ไทย-จีน
27 เม.ย. 2566

เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยเข้าร่วมเวทีสัมมนา “จีนร่วมสมัยกับโลก การแลกเปลี่ยนระหว่างคนรุ่นใหม่ไทย-จีน”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมจันทร์จรัส อาคารอธิการบดี ชั้น 3 มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ได้มีการจัดเวทีสัมมนาหัวข้อ “จีนร่วมสมัยกับโลก การแลกเปลี่ยนระหว่างคนรุ่นใหม่ไทย-จีน” โดยสถาบันวิจัยจีนร่วมสมัยกับโลก (CICG) ซึ่งมีความใกล้ชิดกับอาเซียน เพื่อดำเนินโครงการต่างๆ และส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างไทย-จีน

นายเกา อันหมิง รองประธาน (CICG) สำนักสารนิเทศต่างประเทศแห่งประเทศจีน กล่าวว่า การแลกเปลี่ยนระหว่างคนรุ่นใหม่ของทั้ง 2 ประเทศ คือ ไทยและจีน จะเน้นไปที่ 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1.การพัฒนา 1แถบ 1 เส้นทาง 2.การส่งเสริมความร่วมมือแลกเปลี่ยนข้อมูลให้คนรุ่นใหม่ ในเรื่อง 1 แถบ 1 เส้นทาง และ 3.สร้างกลไกเพื่อ win win ทั้ง 2 ฝ่าย โดยมีหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์รอบด้าน และเน้นโครงการต่างๆ เช่น เศรษฐกิจสีเขียว, การขนส่ง (Logistic) และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ด้วยการแสดงบทบาทของสื่อ เพื่อพัฒนากิจการความเป็นมิตรระหว่างไทยและจีน

ด้านนายพินิจ จารุสมบัติ อดีตรองนายกรัฐมนตรีของไทย และในฐานะประธานสภาวัฒนธรรมไทย-จีน และส่งเสริมความสัมพันธ์ กล่าวว่า ในอดีตชาวจีนยุคก่อนสงครามปลดแอกมีความเป็นอยู่ที่ไม่ดี แต่ระหว่าง ค.ศ. 1941 ซึ่งเป็นปีที่เริ่มสงคราปลดแอกตัวเองของจีน เพื่อออกสู่ความยากจน จนกระทั่งมาถึงปัจจุบัน เป็นเวลา 82 ปี ที่จีนสามารถปลดแอกตัวเองออกมาจากอดีตที่ยากจน โดยเติ้ง เสี่ยวผิง คือผู้นำจีนที่ทำให้จีนเริ่มมีกินมีใช้ เริ่มพัฒนา และในยุคประธานาธิบดี สี จิ้นผิง จีนเดินหน้าสู่การพัฒนาในทุกด้านอย่างเต็มตัว

“ผมกล่าว 2 ประเด็นด้วยกัน คือ ประเด็นที่หนึ่งเรื่องประวัติศาสตร์จีน และประเด็นที่สอง เรื่องการเปลี่ยนแปลงของโลก โดยคนรุ่นใหม่จะต้องมีความรู้เรื่องเหล่านี้ โดยเฉพาะปัจจุบันจีนเปลี่ยนแปลงไปมาก มีการตั้งกลุ่มประเทศที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ได้แก่ บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ หรือ กลุ่ม BRICS ซึ่งเป็นสิ่งที่คนรุ่นใหม่ในไทยจะต้องมีข้อมูลรวมถึงเส้นทางรถไฟจีน-ลาว-ไทย ล่าสุดทำให้ทุเรียนไทยส่งออกไปถึง 25 โบกี้ และทำให้คนจีนเดินทางมาเที่ยวไทยได้สะดวกขึ้น” นายพินิจ กล่าว 

นอกจากนี้ ยังมีการเสวนา “การแลกเปลี่ยนระหว่างคนรุ่นใหม่ไทย-จีน” โดยมี ดร.วิรุฬห์ พิชัยวงศ์ภักดี ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางไทย-จีน, นายขุน ไพลินดีเลิศ นายกสมาคมนักธุรกิจยุคใหม่ไทย-จีน, นายเอกรัตน์ จันทน์รัฐิติกาล ผู้อำนวยการ สถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหมทางทะเล (ฝ่ายไทย) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์, รศ.ดร.หาน เซิ่งหลง มหาวิทยาลัยปักกิ่ง และผู้อำนวยการ สถาบันขงจื่อแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ฝ่ายจีน), นางสาวต๋า หองจวน ผู้จัดการฝ่ายความสัมพันธ์ภายนอกและภาครัฐ, บริษัทเกรท วอลล์ มอเตอร์ประเทศไทย จำกัด โดยมีนายชัยวัฒน์ วนิชวัฒนะ บรรณาธิการข่าว เดอะ ลีดเดอร์ เอเซีย (The Leader Asia) เป็นผู้ดำเนินรายการ

ทั้งนี้ ในเวทีดังกล่าว มีการพูดถึงประเด็นกลุ่มทุนจีนสีเทา โดยนายชุน ไพลินดีเลิศ นายกสมาคมนักธุรกิจยุคใหม่ไทย-จีน กล่าวว่า คนจีนเดินทางมาเที่ยวไทยเฉลี่ยปีละ 10 ล้านคน ซึ่งมีจำนวนมากกว่าประเทศญี่ปุ่นหลายเท่า ทำให้มีบ้างที่จะเกิดปัญหา แต่เชื่อว่าจะเป็นปัญหาที่ภาครัฐของทั้งสองประเทศจัดการได้ และไม่ส่งผลต่อความสัมพันธ์ของไทยและจีน

ด้านนายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย กล่าวว่า จีนจะเดินหน้าส่งเสริมไทยในเรื่องเป้าหมายการเป็นประเทศที่มีจุดแข็งด้านเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ โมเดล ดิจิทัล โดยเฉพาะการก้าวสู่เทคโนโลยี 5G เพื่อเป็นศูนย์กลางทางดิจิทัล, การส่งเสริมเส้นทางสายไหมสุขภาพ, ส่งเสริมการแพทย์แผนไทย ของทั้ง 2 ประเทศ รวมถึงการพัฒนาวัคซีนและยาต้านโควิด ทั้งนี้ จีนให้ความสำคัญกับประเทศไทย โดยหลังการแพร่ระบาดโควิดคลี่คลาย รัฐบาลจีนได้ให้คนจีนสามารถเดินทางมาเที่ยวไทยได้ประเทศแรก โดยในช่วงเทศกาลสงกรานต์มีนักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวไทยแล้ว 5 แสนคน นอกจากนี้ ในภาคเศรษฐกิจการลงทุนของจีน จีนใช้งบลงทุนในไทยมากกว่าประเทศอื่นๆ ในสัดส่วนถึงร้อยละ 58 ของงบลงทุนต่างประเทศทั้งหมดของจีน

ขณะเดียวกันมีนักลงทุนจีนมาลงทุนในไทย 180 บริษัท สร้างเม็ดเงินการลงทุนให้ไทย 4,200 ล้านบาท สร้างงาน 45,000 ตำแหน่ง รวมทั้งจีนยังมาเปิดธนาคารเงินหยวนในไทย การชำระเงินอิเล็กทรอนิคส์ระหว่าง 2 ประเทศ การเชื่อมโยงระหว่างจิตใจระหว่างชาวไทยและจีน ภายใต้ประโยค “จีน-ไทย ครอบครัวเดียวกัน” ส่วนเศรษฐกิจจีนในปัจจุบันมีมูลค่า 18 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ จีนมองว่า ไม่ควรนำความผันผวนของสถานการณ์ภายนอกมาเป็นอุปสรรคต่อมิตรภาพและ ควรทำให้ 1 แถบ 1 เส้นทางเป็นถนนแห่งความสุข และ ในปี 2567 เส้นทางรถไฟจีน-ไทย จะเริ่มก่อสร้างอย่างเป็นทางการ
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid02xf4dnv87pLDEZRbM4fBheaXiyrrskavf4xPmWjjZe33vMiyhBkaBeZZxcohvPLK4l&id=100064570308558

#จีน #ไทย #พัฒนา #ระหว่างประเทศ #cctv #cgtn #cmg

 

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...