ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
ท้องถิ่นไทย ย้อนกลับ
นครพนม ผสานพลังภาคีเครือข่าย Kick Off “1 หมู่บ้าน 1 ทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน สร้างความมั่นคงทางอาหารและยาสมุนไพร
06 พ.ค. 2566

นครพนม ผสานพลังภาคีเครือข่าย Kick Off “1 หมู่บ้าน 1 ทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน" เฉลิมพระเกียรติสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ สร้างความมั่นคงทางอาหารและยาสมุนไพร เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในชุมชนอย่างยั่งยืน

นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองวาระครบ 100 ปี วันประสูติ สมเด็จพระเจ้าพี่ทางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ 6 พฤษภาคม 2566 จังหวัดนครพนมได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายจัดกิจกรรม Kick Off โครงการ “1 หมู่บ้าน 1 ทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์” ณ ศูนย์เรียนรู้การปลูกหม่อนเลี้ยงไหม สวนสาธารณะดอนยาว บ้านนางัว หมู่ที่ 2 ตำบลนางัว อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม โดยได้รับเมตตาจากพระครูวิมลบุญวัฒน์ เจ้าคณะตำบลนางัว เขต 1 และพระมหาชัยวุฒิ พุทธวโร เจ้าคณะตำบลนางัว เขต 2 ร่วมงาน โดยมี นายนพดล พลซื่อ นายอำเภอนาหว้า เป็นประธาน มีหัวหน้าส่วนราชการและภาคีเครือข่าย อาทิ นางรัชต์วรรณ ไวยากรณ์ พัฒนาการอำเภอนาหว้า นายอรรถพล โกษาแสง นายกเทศมนตรีตำบลนาหว้า นายศิลป ประกิ่ง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนางัว หัวหน้าส่วนราชการอำเภอนาหว้า ผู้บริหารสถานศึกษาในตำบลนางัว กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กลุ่มเลี้ยงโค-กระบือตำบลนางัว กลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านนางัว และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ร่วมกิจกรรม

นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวว่า จังหวัดนครพนมได้นำนโยบายของกระทรวงมหาดไทย ในการร่วมเฉลิมฉลองวาระอันเป็นมงคลโอกาสครบ 100 ปีวันประสูติ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ พระผู้ทรงมีพระกรุณาธิคุณกับพี่น้องประชาชนคนไทย ในหลากหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการส่งเสริมดูแลสุขภาพอนามัยของประชาชน ที่เมื่อครั้งยังดำรงพระชนม์ชีพอยู่นั้น พระองค์ทรงรับมูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.) เพื่อแบ่งเบาพระราชภาระของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในการสืบสานพระราชดำริของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เพื่อทำให้ประชาชนคนไทยได้มีสุขภาพ พลานามัย และคุณภาพชีวิตที่ดี ผ่านการดูแลให้คำปรึกษา และตรวจวินิจฉัยโรคภัยไข้เจ็บ โดยเหล่าบรรดาแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางสาธารณสุข ซึ่งในปัจจุบันมีผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธานกรรมการ พอ.สว. จังหวัด ทำหน้าที่เป็นผู้นำการบูรณาการองคาพยพด้านสาธารณสุขและด้านอื่น ๆ ออกหน่วยแพทย์อาสา ตามพระราชดำริอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำให้พี่น้องประชาชนได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวต่ออีกว่า ปัจจัยที่สำคัญในการทำให้พี่น้องประชาชนคนไทยได้มีคุณภาพชีวิตที่ดี นั่นคือการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาเป็นแนวทางในการดำรงชีวิตประจำวัน ที่จะส่งผลดีต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน ในลักษณะที่เป็นความยั่งยืน หรือเรียกได้ว่าเป็น "ยาไทย" โดยจังหวัดนครพนมได้น้อมนำแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี สู่ปฏิบัติการปลูกผักสวนครัวเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารและยาสมุนไพร ได้แก่ โครงการ "บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง" และโครงการ "ทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน" เพื่อให้ประชาชน มีความมั่นคงทางอาหาร สร้างจิตสำนึกจากในระดับครัวเรือน สู่ระดับชุมชนให้ประชาชนในท้องถิ่น เกิดความตระหนักในการอนุรักษ์และพื้นฟูบำรุงรักษาพันธุ์พืชพื้นถิ่น ดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ เมื่อนำมาบริโภค ก็จะเป็นอาหารที่ก่อให้เกิดประโยชน์ มีวิตามิน แร่ธาตุ เข้าสู่ร่างกาย และยังมีพืชผักประเภทสมุนไพร ที่สามารถใช้เป็นยารักษาโรค ตามตำรับตำราแพทย์แผนไทย ที่เป็นมิตรกับสุขภาพ ทำให้มีสุขภาพที่ดีอย่างยืน โดยวิธีการสำคัญ คือ การใช้พลังผู้นำต้นแบบ “ผู้นำทำก่อน” เป็นตัวอย่างแก่ประชาชน บูรณาการความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนช่วยกันขับเคลื่อนการดำเนินงานพัฒนาหมู่บ้าน สร้างครัวเรือนให้มีความยั่งยืน ให้ครัวเรือนสามารถพึ่งพาตนเองได้ ผ่านกิจกรรมการปลูกพืชปลูกผัก ไม้ผล เพื่อเป็นการลดรายจ่าย สร้างเสริมรายได้ แจกจ่าย แบ่งปันให้คนในชุมชน มีความรัก ความสามัคคี และความมั่นคงทางอาหาร สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้เกิดขึ้นในชุมชนสู่หนึ่งตำบล หนึ่งหมู่บ้านพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Village)

“กิจกรรม “1 หมู่บ้าน 1 ทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์” ในครั้งนี้ ประกอบด้วย การมอบต้นกล้าผักสวนครัวและไม้ผล รวมถึงการปลูกพืชสมุนไพร ที่สามารถเป็นได้ทั้งอาหารและยา และกิจกรรมปลูกไม้ผลสองข้างทาง ระยะทางประมาณ 100 เมตร ซึ่งพันธุ์ทั้งหมดได้รับการสนับสนุนจากองค์กรภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ที่ร่วมกันนำเมล็ดพันธุ์พืชผักสวนครัวมาร่วมกันในวันนี้ เช่น การปลูกผักสวนครัว กว่า 10 ชนิด กล้วยน้ำว้า ข่า น้ำเต้า ฟักทอง กระชาย ฟ้าทะลายโจร แมงลัก ตะไคร้ ต้นหอม ต้นแค ต้นลิ้นจี่ ต้นพันธุ์ผักหวานป่า มะละกอ พริก และมะเขือ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมการรณรงค์การใช้ถังขยะเปียกลดโลกร้อน มีการสาธิตคัดแยกขยะต้นทางเศษอาหารหรือขยะเปียกออกจากขยะทั่วไป เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้คนในพื้นที่ได้ตระหนักและมีส่วนร่วมในการลดปริมาณขยะในชุมชน/ครัวเรือน นำไปสู่การเป็นครัวเรือนที่ถูกสุขลักษณะ มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ชุมชนสะอาด และสามารถลดภาวะโลกร้อนให้กับโลกใบนี้ของเราด้วย” นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าว

นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดกิจกรรม “1 หมู่บ้าน 1 ทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์” ในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่สำคัญในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองวาระครบ 100 ปี วันประสูติ 6 พฤษภาคม 2566 ด้วยการทำให้ประชาชนได้มีสุขภาพที่ดี มีอาหาร ยารักษาโรค และอาคารบ้านเรือนที่สะอาดสวยงามเป็นระเบียบเรียบร้อย อันจะทำให้ประชาชนผู้อยู่อาศัย และประชาชนที่อยู่ในชุมชน ได้มีอากาศที่ดี มีอาหารที่ดี ยังผลทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (UN SDGs) ของสหประชาชาติ ที่จังหวัดนครพนมได้ร่วมประกาศเจตนารมณ์ร่วมกับองค์การสหประชาชาติ “76 จังหวัด 76 คำมั่นสัญญา เพื่อการพัฒนา เพื่อความเท่าเทียม เพื่อความยั่งยืน” อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาไปสู่การเป็นหมู่บ้านยั่งยืน (Sustainable Village) ที่จังหวัดนครพนมจะได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายในทุกพื้นที่อำเภอ ขยายผลให้ครอบคลุม ทำให้ประชาชนทุกคน ในทุกพื้นที่ ได้ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมรับประโยชน์ มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 เมษายน 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...