ผู้สื่อข่าวรายงานการวิเคราะห์ ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร (ส.ส.) แบบแบ่งเขตเลือกตั้งจังหวัดปทุมธานี
โดยมีผู้สมัครลงครบทั้ง 7 เขต สำหรับผู้สมัครที่คาดว่าจะชนะการเลือกตั้งในแต่ละเขต มีดังนี้
เขต1.
"อันดับ1" ยังคงเป็น นายเสวก ประเสริฐสุข "พี่ใหญ่" (อดีต นายก อบต.เชียงรากใหญ่ , อดีต รอง นายก อบจ.ปทุมธานี) ลงในนามพรรคพลังประชารัฐ (หมายเลข 2) เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในจังหวัดปทุมธานี โดยเล่นการเมืองท้องถิ่นมานานกว่า 20 ปี และเป็นคนผลักดันส่ง "บิ๊กแจ๊ส" พล.ต.ท คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง จนได้เป็น นายก อบจ.ปทุมธานี และยังเป็นผู้ก่อตั้งกลุ่ม"คนรักปทุม" ที่ส่วนใหญ่เป็นคนเสื้อแดง หรือ (กลุ่มเพื่อไทย) ขึ้นมา ก่อนที่จะตัดสินใจลงเล่นการเมืองระดับประเทศครั้งนี้ เพราะเป็นคนที่ไม่ทิ้งพรรคพวกหรือลูกน้องที่เคยร่วมงานและสร้าง"บิ๊กแจ๊ส"จนถึงเป้าหมาย แต่เมื่อทีมงานพลาดหวังจากพรรคเพื่อไทย จึงนำคนที่มีอุดมการณ์เดียวกันเข้าร่วมเป็นผู้สมัคร ส.ส. ในสังกัดพรรคพลังประชารัฐ พร้อมกับตัวนายเสวก ฯ ต้องมาเป็นหัวหน้าทีมผู้สมัคร ส.ส.ปทุมธานี พรรคพลังประชารัฐ อีกด้วยและล่าสุดได้ลงพื้นที่หาเสียงมาอย่างต่อเนื่องจนเสียงตอบรับจากบรรดา นายกเทศบาล นายก อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชน ตลอดจนชาวบ้านพร้อมทุ่มเทคะแนนให้ เพราะทุกรู้ว่านายเสวก ฯ เป็นคนดีจริงๆ และมีน้ำใจ ช่วยเหลือทุกคนที่คนที่ได้รับความเดือดร้อน จนได้รับขนานนามว่า"พี่ใหญ่มีแต่ให้" ดังนั้นเขต 1 ปทุมธานี จึงน่าจะยกให้นายเสวก ประเสริฐสุข ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เป็นเต็ง 1 และที่สำคัญทราบมาว่า นายชาญ พวงเพ็ชร อดีต นายก อบจ.ปทุมธานี ได้ให้คำมั่นสัญญาพร้อมช่วยนายเสวก ประเสริฐสุข เพื่อให้ได้เป็น ส.ส. ยิ่งทำให้ความหวังที่จะล้มแชมป์เก่าได้อย่างแน่นอน ช่วงนี้มาแรงแซงทุกโค้ง
"อันดับ2" ยังคงเป็น นายสุรพงษ์ อึ้งอัมพรวิไล "ฮะ" แชมป์เก่า (อดีต ส.ส.และ อดีต รมช.ว่าการกระทรวงศึกษาธิการ) ที่ลงในนามพรรคเพื่อไทย (หมายเลข 6) แม้จะเคยเป็น ส.ส.มาหลายสมัย แต่ครั้งนี้ไม่หมูเหมือนทุกๆครั้งที่ผ่านมาเพราะบรรดากองเชียร์และหัวคะแนนก็เป็นกลุ่มคนรักปทุมและกลุ่มของนายเสวก ประเสริฐสุข คู่แข่ง แถมถูกตัดฐานเสียงเดิมที่อยู่ในพื้นที่ของนายธวัชชัย อึ้งอัมพรวิไล นายกเทศมนตรีเมืองบางกะดี ซึ่งเป็นพี่ชาย เพราะทาง กกต.มีการแบ่งเขตเลือกตั้งเป็นแบบที่2 จึงต้องเสียคะแนนเก่าแบบเซ็งๆ นอกจากนี้นายสุรพงษ์ ฯ ยังจะถูกแย่งคะแนนจากคู่แข่งอีกหลายคน ดังนั้นเลือกตั้งครั้งนี้อาจจะต้องรู้จักคำว่า"อกหัก"หรือคำว่า"แพ้" จึงต้องหล่นมาอยู่อันดับ2 ตอนนี้เสียงตอบรับจากคนในกลุ่มเริ่มตก
.........................................
เขต2.
"อันดับ1" นายนพดล ลัดดาแย้ม "สจ.ตุ้ย" (อดีต ส.อบจ.ปทุมธานี) ที่ลงในนามพรรคพลังประชารัฐ (หมายเลข 3) เป็นคนมีความรู้ความสามารถ เสียงตอบรับยังคงแรงขึ้นเรื่อยๆเพราะเป็นคนขยันรู้ลึกเข้าถึงประชาชน มีนโยบายและเป็นคนที่มีจุดยืนในการหาเสียง จนได้แรงหนุนจากหลายๆกลุ่มหลายๆฝ่ายเสียงตอบรับมาเป็นกำลังนอกจากนี้ล่าสุดได้แรงสนับสนุนจากคนดังรังสิตอย่างนายสมศักดิ์ เกียรติพัฒนาชัย "เฮียเหน่ง" ที่พร้อมเต็มที่ในการให้พรรคพวกช่วยนายนพดล ลัดดาแย้ม เพราะรู้ว่าเป็นคนดี มีความรู้ความสามารถเรื่องเกษตรกร การสร้างรายได้ให้ชุมชน มีความคิดกว้างไกล จึงมีโอกาสล้มแชมป์ได้อีกคน แต่ก็ต้องไม่ประมาทแชมป์เก่าเช่นกัน ล่าสุดได้รับการต้อนรับและเสียงจากประชาชนในพื้นที่อยากเห็น ตัวแทนที่เป็น ส.ส.มาทำงานเพื่อประชาชนแบบจริงจัง
'
"อันดับ2" คงหนีไม่พ้นแชมป์เก่า คือ นายศุภชัย นพขำ "เต๋า" (อดีต ส.ส.) ลงในนามพรรคเพื่อไทย (หมายเลข 8) ลูกชายนายสายัณ นพขำ "นายกแป๊ะ" (อดีต นายก ทต.บ้านกลาง) แม้ชื่อชั้นดูว่าจะเหนือกว่าคู่แข่งทุกคนก็ตาม และที่ผ่านมาเมื่อครั้งที่ได้เป็น ส.ส. เพราะมีแรงหนุนจากกลุ่มคนที่เคยรักเคยชอบกันและบารมีของผู้เป็นพ่อ แต่ครั้งนี้ทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงไปเยอะ แรงหนุนเริ่มตก จึงต้องมีการทุ่มเทหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อจะรักษาแชมป์ให้ได้แต่เมื่อวิเคราะห์แล้วอาจชวดแชมป์แก่นายนพดล ลัดดาแย้ม ได้เช่นกันจึงถูกยกให้ยังอยู่อันดับ2 ชนิดพลิกไปพลิกมา แต่ชาวบ้านในกลุ่มวัยทำงานไม่ค่อยปลื้มคนเก่าสักเท่าไหร่
.........................................
เขต3.
"อันดับ1" ตีตื้นขึ้นมาแล้วสำหรับ นายอนาวิล รัตนสถาพร "ติ่ง" แชมป์เก่า (อดีต ส.ส.พรรคอนาคตใหม่) ย้ายค่ายมาลงในนามพรรคภูมิใจไทย (หมายเลข 6) ครั้งนี้เป็นการป้องกันแชมป์ โดยที่ผ่านมาทราบว่า มีการลงพื้นที่พบพี่น้องประชาขนมาโดยตลอด ชาวบ้านได้พบเห็นในงานพิธี งานบุญ งานประเพณีต่างๆ ชอบสนับสนุนเรื่องกีฬา เข้าถึงชาวบ้านในพื้นที่ ยิ่งยามชาวบ้านทุกข์ อนาวิล จะเข้าช่วยเหลือทันที และนับว่าเมื่อครั้งเป็น ส.ส. ก็ยังมีบทบาทเป็นปากเสียงให้กับประชาชนในสภาผู้แทนราษฎร ในช่วงที่มีการอภิบายเช่นกัน แต่อาจจะยังมีช่องโหว่อยู่บ้าง โดยบรรดาFC.บางคนที่มองว่าไม่น่าย้ายพรรค จึงอาจทำให้คะแนนลดลงไปบ้าง แต่ก็ได้มีการพูดคุยกับหลายๆกลุ่มหลายๆคน จนชาวบ้านส่วนใหญ่เข้าใจและหันกลับมารักเหมือนเดิม จึงถูกจัดอันดับขึ้นมาอยู่ที่ 1 ซึ่งมาเหนือกว่าคู่แข่งอันดับ2 ไม่มากนัก ขณะนี้มีกลุ่มหัวคะแนนเริ่มหันกลับมาช่วยหนุนเพิ่มขึ้น
"อันดับ2" นายยุทธศักดิ์ ชูประเสริฐ (จ่ายุทธ) ลงในนามพรรคเพื่อไทย (หมายเลข 2) วิเคราะห์ครั้งแรกอยู่อันดับ 1 แต่ครั้งนี้หล่นมาอยู่อันดับ 2 เนื่องจากทราบว่าบรรดาหัวคะแนนต่างแยกย้ายไปช่วยผู้สมัครคนอื่นๆ แต่ถ้าไม่แผ่วปลายหรือไม่ถอดใจก็อาจกลับมายืนอันดับ1 เข้าวินได้เช่นกัน คงต้องทำงานและการบ้านหนักขึ้น
.........................................
เขต4.
"อันดับ1" น.ส.ณัฐธิดา เกียรติพัฒนาชัย "สจ.หนึ่ง" (อดีต ส.อบจ.ปทุมธานี) ลงในนามพรรคภูมิใจไทย (หมายเลข 8) ลูกสาวนายสมศักดิ์ เกียรติพัฒนาชัย "เสี่ยเหน่ง" คนดังรังสิต เคยเป็นลูกน้องคนสนิทของ"บิ๊กแจ๊ส" โดยเสี่ยเหน่งผลักดันให้ลูกสาวลาออกจาก ส.อบจ.ฯ มาลงสมัคร ส.ส. ในนามพรรคภูมิใจไทย และมีความเชื่อมั่นว่า ลูกสาวมีความความมุ่งมั่นด้วยใจรักในเรื่องการเมืองที่ตั้งใจจะให้เขตพื้นที่รังสิตมีความเจริญ จึงทุ่มเททุกอย่างที่จะสามารถให้ลูกสาวเข้าไปเป็น ส.ส.ในครั้งนี้ และที่สำคัญตัว น.ส.ณัฐธิดา เกียรติพัฒนาชัย "สจ.หนึ่ง" ก็ขยันลงพื้นที่ขอคะแนนเสียงจากประชาชนอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยอีกด้วย
"อันดับ2" นายสุทิน นพขำ (อดีต ส.ส. 2 สมัย ปี2550/2554) ลงในนามพรรคเพื่อไทย (หมายเลข 4) มาลงครั้งนี้ถูกวางตัวให้มาลงพื้นที่นอกเขตและยังต้องมาแข่งกับ น.ส.ณัฐธิดา เกียรติพัฒนาชัย เจ้าของพื้นที่ย่านรังสิต โดย นายสุทิน ฯ ซึ่งเป็นผู้สมัครที่ต้องทำให้ "เสี่ยเหน่ง" ไม่ปลื้มพรรคเพื่อไทย จึงต้องนำลูกสาวไปอยู่พรรคภูมิใจไทย แทน ดังนั้นโอกาสที่นายสุทิน ฯ จะอกหักมีมาก เพราะต้องแข่งกับผู้สมัครเจ้าถิ่นอีกหลายคน โดยหวังได้ชื่อเสียงจากพรรค และพยายามขอให้ทางกลุ่มอดีต นายกเทศมนตรีนครรังสิต ช่วยเองคะแนน แต่ยุคนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป คนรังสิตเลือกตัวบุคคลมากกว่า และยังต้องการคนรังสิตที่รู้ปัญหามาเป็น ส.ส. ตอนนี้อาจจะทำดีที่สุดคือการหาเสียง จึงยังจัดได้อยู่อันดับ2
.........................................
เขต5.
"อันดับ1" นายพิษณุ พลธี "เอ้" แชมป์เก่า (อดีต ส.ส.) ลงในนามพรรคภูมิใจไทย (หมายเลข 9) ยังพกความมั่นใจที่จะรักษาแชมป์ไว้ได้อีกสมัย เพราะเชื่อว่าชาวบ้านมองเห็นผลงานที่ผ่านมาแม้ว่าคะแนนเสียงที่เคยรับการสนับสนุนจากนายกฤษฎา หลีนวรัตน์ "นายกเบี้ยว" นายก ทต.ธัญบุรี แต่ครั้งนี้ลูกชายนายกเบี้ยวลงสมัคร ส.ส. จึงต้องเอาคะแนนมาช่วยลูกชาย แต่ด้วยความขยันและชาวบ้านรู้จักดีจึงมั่นใจรักษาแชมป์ได้อีกในครั้งนี้
"อันดับ2" นายมนัสนันท์ หลีนวรัตน์ "สจ.ฟลุ๊ค" (อดีตส.อบจ.ปทุมธานี) ลูกชาย นายกฤษฎา หลีนวรัตน์ นายก ทต.ธัญบุรี ลงในนามพรรคเพื่อไทย (หมายเลข 2) หวังได้คะแนนฐานเสียงของผู้เป็นพ่อ แต่ก่อนลงสมัครเคยตกเป็นข่าวในลักษณะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ และยังทราบมาว่านักการเมืองท้องถิ่นใหญ่ อย่าง"บิ๊กแจ๊ส" ก็ถ่างขาแทงแบบกั๊กๆไม่รู้จะช่วยใคร ดังนั้นจึงยังถูกให้อยู่ในเพียงแค่อันดับ2 เหมือนเดิม
.........................................
เขต6.
"อันดับ1" น่าจะชัวร์ที่สุดดร.เกียรติศักดิ์ ส่องแสง (อดีต ส.ส.พรรค ประชาธิปัตย์) ครั้งนี้ลงในนามพรรคพลังประชารัฐ (หมายเลข 5) ซึ่งที่ผ่านมา มีการเปิดปราศรัยใหญ่ในเขตพื้นที่ อ.ลำลูกกา มีชาวบ้านประชาชนมาฟังการปราศรัยหลายหมื่นคน จึงเชือมั่นว่า ดร.เกียรติศักดิ์ ฯ เป็นผู้ลงพื้นที่ดูเอาใจใส่พี่น้องประชาชนในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง เสียงชาวบ้านที่ยังรักและศรัทธากับผลงานมาโดยตลอด จึงมั่นใจว่าชนะคู่แข่งได้อย่างราบคาบ
"อันดับ2" ยังเป็น นายชัยยันต์ ผลสุวรรณ์ แชมป์เก่า (อดีต ส.ส.) ลงในนามพรรคเพื่อไทย (หมายเลข 8) ครั้งนี้เจอกระดูกชิ้นโต และพลังมวลชนรวมทั้งทีมงานก็น้อยลง จึงเป็นได้เพียงคู่แข่ง ที่มีสังกัดพรรคดังเท่านั้นเอง จึงถูกจัดให้อันดับ2เหมือนเดิม
.........................................
เขต7.
"อันดับ1" นายยงยุทธ มั่นบุปผชาติ (อดีต นายก ทต.ลำลูกกา) มาลงในนามพรรคเพื่อไทย (หมายเลข 1) ทำงานในพื้นที่จนทุกคนรู้จักและมีแรงหนุนจากคนรอบข้างจำนวนมากเชื่อว่าจะสามารถคว่ำแชมป์เก่า แต่ก็ยังมีคะแนนเสียงที่ถูกตัดแย่งไปจากผู้สมัครอีกหลายๆคน ซึ่งถ้าประม่ทมีโอกาสเสียใจได้เช่นกัน
"อันดับ2" น.ส.พรพิมล ธรรมสาร "ก้อย" แชมป์เก่า (อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย) ที่ย้ายขั้วมาอยู่สังกัดพรรคภูมิใจไทย (หมายเลข 2) ครั้งนี้มีโอกาสแพ้คาบ้าน เพราะยังมีประชาชนที่เคยทุ่มเทใจให้ยังต่อต้านเรื่องการเป็นงูเห่าดังนั้นในช่วงโค้งสุดท้ายไม่ทำความเข้าใจกลับกลุ่มชาวบ้าน อาจพลิกหล่นไปอยู่อันดับ3 เพราะอาจจะแพ้ให้กับ น.ส.กฤษณา วงศ์คำ หมายเลข 8 พรรคพลังประชารัฐ ม้ามืดแซงขึ้นมาได้รับชัยชนะทั้งสองคนได้เช่นกัน
สรุปการวิเคราะห์ครั้งนี้ คาดว่า
พปชร. = 3
พท. = 2
ภท. = 2
สมเกียรติ ทรัพย์เฉลิม / หน.ข่าวภูมิภาค