สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เผยผลการประชุม กบน. มีมติปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลงครั้งที่ 2 ในเดือนพฤษภาคม 2566 เหลือ 32 บาท/ลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป สาเหตุราคาน้ำมันดีเซลลดลงจากความกังวลทางเศรษฐกิจอาจส่งผลกระทบต่อการใช้น้ำมันโลก หลังเฟด ปรับอัตราดอกเบี้ย และฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเริ่มมีสภาพคล่องมากขึ้น โดยล่าสุดติดลบต่ำกว่า 8 หมื่นล้านบาทแล้ว แต่ยังต้องเฝ้าระวังปัจจัยรุมเร้ารอบด้าน
นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2566 เห็นชอบการปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลงอีก 0.50 บาท/ลิตร ส่งผลให้ราคาขายปลีกดีเซลอยู่ที่ 32 บาท/ลิตร โดยราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลใหม่นี้จะมีผลตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป ซึ่งการปรับลดครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ในรอบเดือนพฤษภาคม 2566 หรือเป็นครั้งที่ 6 นับจากเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมารวมปรับลดลงไปแล้ว 3 บาท/ลิตร
สาเหตุการปรับลดครั้งนี้ เป็นผลมาจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงตลาดโลกโดยเฉพาะน้ำมันดีเซลลดลง โดยตั้งแต่วันที่ 1 – 8 พฤษภาคม 2566 ราคาน้ำมันดีเซลเฉลี่ยอยู่ที่ 86.42 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 10.70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เมื่อเทียบกับราคาเฉลี่ยน้ำมันดีเซลเดือนเมษายน 2566 อยู่ที่ 97.12 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และสถานะของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเริ่มดีขึ้นมีฐานะติดลบต่ำกว่า 8 หมื่นล้านบาทแล้ว กบน. จึงเห็นควรปรับลดราคาขายปลีกดีเซลให้กับประชาชน ซึ่งนอกจากจะช่วยประคับประคองค่าครองชีพประชาชนแล้ว ยังมีส่วนช่วยลดต้นทุนภาคขนส่งไม่ให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลเพิ่มสูงขึ้นจนเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย
อย่างไรก็ดี ความผันผวนของราคาน้ำมันยังคงมีหลากหลายปัจจัย โดยจะเห็นได้ว่ามีเหตุการณ์สำคัญๆ
ด้านราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในช่วงต้นเดือนหลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อ
สกัดเงินเฟ้อหลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 5.00 - 5.25% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2550 ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบลดลง แต่เมื่อวันศุกร์ที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากบรรดานักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยและกลับเข้าซื้อสินทรัพย์
เสี่ยงอีกครั้งในวันศุกร์ หลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ และหุ้นกลุ่มธนาคารภูมิภาค
ของสหรัฐฯฟื้นตัวขึ้น ทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นอีก นอกจากนี้ต้องเฝ้าระวังปัจจัยรุมเร้ารอบด้าน อาทิ
การปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกพลัส การขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนหลังเปิดประเทศ
ความผันผวนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ เป็นสิ่งที่ต้องติดตามต่อไป
สำหรับฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสุทธิติดลบ 79,327 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 32,581 ล้านบาท และบัญชีก๊าซ LPG ติดลบ 46,746 ล้านบาท