นางสุชาดา พันธ์นรา นายกเทศมนตรีเมืองสุไหงโก-ลก เข้ารับพระราชทานโล่เชิดชูเกียรติสตรีไทยดีเด่นจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในงานวันสตรีไทย ประจำปี 2560 "พลังสตรีไทย สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ อย่างหาที่สุดมิได้" ซึ่งจัดขึ้นโดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) ร่วมกับสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ ณ ห้องรอยัลจูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี
โดยปีนี้มีสตรีไทยดีเด่นและเยาวสตรีไทยดีเด่นจากทั่วประเทศ เข้ารับพระราชทานรางวัลประเภทต่างๆ อาทิ ประเภทข้าราชการ , นักวิชาการ , นักธุรกิจ , สังคมสงเคราะห์ , สิ่งแวดล้อม และศิลปินพื้นบ้านด้านหมอลำ รวม 175 ราย
นางสุชาดา พันธ์นรา นายกเทศมนตรีเมืองสุไหงโก-ลก กล่าวว่า รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้รับเกียรติให้รับรางวัลสตรีไทยดีเด่น ประจำปี 2560 เพราะแสดงให้เห็นว่า แม้จะทำงานในตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองสุไหงโก-ลก ที่อยู่พื้นที่ชายแดนของจังหวัดนราธิวาส ซึ่งเป็นพื้นที่ห่างไกล แต่ก็ยังมีผู้ที่เห็นความมุ่งมั่นตั้งใจของตนเองในการที่จะพัฒนาพื้นที่ และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่อย่างสุดความสามารถ จนได้รับการพิจารณาคัดเลือก ให้ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ ที่เป็นเกียรติประวัติต่อครอบครัว และทำให้มีกำลังใจในการทำงานมากยิ่งขึ้น ขอขอบคุณผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่านที่ทำให้ได้รับรางวัลแห่งความภาคภูมิใจนี้
สำหรับนางสุชาดา พันธ์นรา นายกเทศมนตรีเมืองสุไหงโก-ลก มีผลงานในการพัฒนาพื้นที่โดดเด่นจนเป็นที่ประจักษ์ในหลายด้าน อาทิ การจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ผู้สูงอายุเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ซึ่งสร้างคุณค่าให้กับผู้สูงอายุได้มีการจัดกิจกรรมสร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ และกิจกรรมสันทนาการ ในด้านต่างๆ ที่ทำให้ผู้สูงอายุสุขภาพดี และมีความสุข การส่งเสริมการเรียนภาษาจีนอย่างจริงจังในโรงเรียนสังกัดเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก จนได้รับรางวัลในการแข่งขันระดับเขตและระดับประเทศ การส่งเสริมให้ประชาชนในทุกกลุ่มวัยหันมาเล่นกีฬาในทุกรูปแบบ ด้วยการจัดสร้างสถานที่เล่นกีฬาประเภทต่างๆ รอบเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ส่งเสริมให้ประชาชนรวมตัวกันเป็นเครือข่ายที่เข้มแข็ง เพื่อเป็นตาสับปะรดในการดูแลความปลอดภัยให้กับอำเภอสุไหงโก-ลก
นอกจากนี้ยังเป็นบุคคลหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่อำเภอต้นแบบการค้าชายแดนระหว่างประเทศ "สามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน"