ผู้ว่าฯเพชรบุรี ชี้ ” การพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันตก ที่เชื่อมโยงเมือง เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง นับเป็นการสร้างโอกาสให้เกิดการประสานงานระหว่างภาคเอกชน เพื่อเชื่อมโยงนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบบรรยากาศที่คล้ายคลึงกัน จะเพิ่มศักยภาพให้ผู้ประกอบการมีลู่ทางส่งเสริมการท่องเที่ยว ภูมิประเทศเดียวกัน
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (12 พฤษภาคม 2566) นายณัฏฐชัย นำพูลสุขสันติ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี หัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ร่วมการประชุมคณะกรรมการพัฒนาการท่องเที่ยวประจำเขตพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันตก และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิส์ ทางไกลผ่านจอภาพ ณ ห้องประชุม ศาลากลาจังหวัดเพชรบุรี
นายณัฏฐชัย นำพูลสุขสันติ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี เปิดเผยว่า นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย ชาวต่างประเทศ ให้ความสนใจเดินทางมาเยี่ยมเยือนในเขตพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันตก นับแต่เดือนมกราคม ภายในห้วงสามเดือนแรกต้นปีนี้ มีจำนวนถึง 6,297,400 คน เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 39.29 เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว จังหวัดที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากที่สุดคือจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รองลงมาคือ จังหวัดเพชรบุรี และชุมพร ระนอง สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก สานนโยบายตามแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2566 – 2570) การท่องเที่ยวของประเทศไทย เป็นอุตสาหกรรมที่เน้นคุณค่า มีความสามารถในการปรับตัวเติบโตอย่างยั่งยืนและมีส่วนร่วม โดยแต่ละจังหวัดได้ให้ความสำคัญการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า G I และต่อยอดแหล่งผลิตให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมแห่งใหม่ เพื่อสร้างโอกาสและสร้างรายได้ให้ชาวบ้านในชุมชน เพชรบุรี มีชมพู่เพชร มะนาว น้ำตาลโตนด ขนมหม้อแกงเมืองเพชร ประจวบคีรีขันธ์มีมะพร้าวทับสะแก ทุเรียนป่าละอู ชุมพรมี กาแฟ กล้วยเล็บมือนาง ข้าวเหลืองปะทิวชุมพร และกล้วยหอมทองละแม ส่วนระนองมีทุเรียนในวงระนอง และมังคุดในวงระนอง
นอกจากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี กล่าวเพิ่มเติมว่า การพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันตก ที่เชื่อมโยงเมือง เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง นับเป็นการสร้างโอกาสให้เกิดการประสานงานระหว่างภาคเอกชน เพื่อเชื่อมโยงนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบบรรยากาศที่คล้ายคลึงกัน ช่วยเพิ่มศักยภาพให้ผู้ประกอบการมีลู่ทางส่งเสริมการท่องเที่ยว ภูมิประเทศเดียวกัน ที่พร้อมจะยกระดับประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยว ส่งเสริมการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน